เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 ก.ค.60 พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.บช.ปส. พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา รองผบช.น. พ.ต.อ.สุรภัค รอดโพธิ์ทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ.บช.ปส. พ.ต.อ.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.ธนากรณฑ์ ก้อนแก้ว ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.นริศ ปราถนาพร รองผกก.สส.สน.สายไหม เจ้าหน้าที่ตำรวจบช.ปส. สน.สายไหมและเจ้าหน้าที่ทหารร้อย.รส.ที่1 ร.2 พัน.รอ. ทหารพัน.สห.ทอ.จำนวนกว่า 50 นาย ร่วมกันนำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านพักไม่มีเลขที่ ภายในซอยสายไหม10 แขวงและเขตสายไหม กทม.ภายหลังสืบทราบว่า ที่บ้านหลังดังกล่าวมีการนำยาเสพติดมาพักไว้ ที่เกิดเหตุเปิดเป็นค่ายมวยชื่อ ส.แจ้งอรุณ ถัดไปด้านหลังเปิดเป็นซุ้มไก่ชนชื่อซุ้มไก่ เรืออากาศตรี ทนงศักดิ์ ด้านหลังสุดเป็นบ้านพัก ทั้งหมดปลูกอยู่ในพื้นที่ประมาณ 200 ตรว.และมีรั้วรอบขอบชิด บริเวณรอบบ้านพบเป็นป่ารกทึบขึ้น 2 ข้างทาง เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นพบนายวันรบ หรือโก้ ศรณรงค์ อายุ 27 ปี น.ส.นิติมา บุญศิริ อายุ 40 ปี และน.ส.แสง สัญชาติลาว อายุ 26 ปี อยู่ภายในบ้าน จึงควบคุมตัวไว้ จากนั้นจึงตรวจภายในตัวบ้าน แต่ไม่พบยาเสพติด แต่เจ้าหน้าที่สังเกตุบริเวณป่าข้างทางพบซากการเผายาเสพติด จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ทำการปูพรมค้นหายาเสพติดในพื้นที่ป่ารกทึบ ซึ่งจากการปูพรมในพื้นที่นานกว่า 2 ชม.พบยาบ้าจำนวน1.8 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 39 กก. โดยยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสห่อเป็นมัด มัดละ10,000เม็ด ก่อนจะบรรจุในกระสอบอีกชั้นหนึ่ง จำนวนหลายถุง และยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาเขียวซีนอย่างดี บรรจุอีกชั้นในถุงกระสอบเช่นเดียวกัน ทั้งหมดถูกซุกซ่อนอยู่ตามป่าบริเวณรอบบ้านดังกล่าว ภายหลังการเข้าตรวจค้น พ.อ.อ.ทนงศักดิ์ พินิจพงษ์ อายุ 59 ปี สังกัด กชภ.ชอ. ได้เดินมาที่เกิดเหตุและแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าวเจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัวเพื่อสอบสวน จากการสอบสวน พ.อ.อ.ทนงศักดิ์ เปิดเผยว่าตนเป็นเจ้าของบ่อนไก่ดังกล่าวจริงโดยตนนายบุญลือหรือลือ แจ้งอรุณ อายุ 44 ปี นายบัณฑิต หรือแว้น แจ้งอรุณ อายุ40ปี เป็นคนดูแล ส่วนยาเสพติดจำนวนดังกล่าวตนไม่ทราบที่มาที่ไปแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าตนมีการเสพกัญชามาตลอด ภายหลังการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ ทอ.มาควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมต่อทันที ด้านนายวันรบ กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ซุ้มไก่ดังกล่าวมานาน1 ปีแล้ว โดยทำหน้าที่เลี้ยงไก่ ทำแผลหลังจากมีการตีไก่ ซึ่งตนพักอาศัยอยู่กับแฟนที่สายไหม ซอย 10 แต่ก่อนหน้านี้ตนทะเลาะกับแฟน จึงมานอนที่นี้ชั่วคราวเมื่อวานนี้(2ก.ค.) เวลาประมาณ16.00 น. นายเจด็จ หรือโทน คงปาน อายุ 40 ปี ได้ให้ตนไปรับที่ซอยพหลโยธิน53 ตนจึงขับขี่รถจยย.ยี่ห้อเวฟ สีขาว หมายเลขทะเบียน1474 กรุงเทพมหานคร เพื่อไปรับเมื่อไปถึงนายเจด็จ บอกตนว่า"ช่วยพี่หน่อยพี่โดนตำรวจตาม" ซึ่งตนรู้ว่ามียาเสพติดอยู่ภายในรถ จากกนั้นนายเจด็จ ได้สั่งให้ตนขับรถตามรถของนายเจด็จ แทนโดยรถคันดังกล่าวคือรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ยี่ห้อปาเจโร่ สีดำ ป้ายทะเบียนจำได้แค่อยู่ จ.เชียงราย โดยมีนายเล็ก(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง)เป็นคนขับขี่รถจยย. ยี่ห้อเคเอสอาร์ สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน นำรถยนต์คันดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเส้นทางที่ใช้คือถนนเลียบคลองสองมุ่งหน้าแยก คปอ. ก่อนที่รถทั้งหมดจะแยกกันที่ถนนสายไหม ช่วงสายไหมซอย10 นายวันรบ กล่าวต่อว่าจากนั้นตนก็เข้ามาทำงานตามปกติและนั่งดื่มเหล้าจนถึงช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ตนเห็นคนประมาณ10 คน ซึ่ง1ใน10 มีคนที่ตนรู้จักคือนายเล็ก นายโทน และนายเบนซ์ ยืนอยู่บริเวณจุดที่เผายาเสพติดซึ่งจำนวนยาที่เผามีจำนวนพอๆกันกับที่เจ้าหน้าที่เจอตามป่า ขณะกำลังเผายาเสพติดเกิดการระเบิดขึ้นหลายครั้งทำให้ตนและกลุ่มคนเกิดการตกใจก่อนจะขึ้นรถหลบหนีไปหมด ซึ่งตนได้กลับมาที่บ้านพักดังกล่าวตอน 04.00 น. เพราะเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะโดนเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มของผู้ต้องหามีการใช้จ่ายเงินมากผิดปกติ โดยมีการซื้อไก่ชนตัวละหลายแสนบาทเป็นจำนวนมาก และมีการโอนเงินจำนวนหลายบาท จึงทำการสืบสวนเพื่อดูว่าผู้ต้องหาทำอาชีพอะไรจนทราบว่ามีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่ จึงทำการติดตามนานกว่า2 เดือน จนทราบว่าผู้ต้องหาเก็บยาไว้ในสถานที่ดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ โดยยาเสพติดที่ถูกเผาน่าจะมีจำนวนกว่า2 ล้านเม็ดและไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากผู้ต้องหาเกิดไหวตัวทันและไม่สามารถปล่อยยาเสพติดได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่นำกำลังปิดล้อมพื้นที่จึงทำการเผาทำลายเพื่อหลบหนีความผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา"ร่วมกันมียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ก่อนจะทำการสอบสวนขยายผล เพื่อติดตามจับตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป