เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พ.ต.ต.ไชโย ไชยช่อฟ้า สวป.สน.ธรรมศาลา กำลังปฏิบัติหน้าที่ภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านข้างสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ซ.พุทธมณฑลสาย 3 ที่22 แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. ว่า พระสงฆ์ที่สำนักปฏิบัติธรรมฯ กำลังจะช่วยกันเผาศพไม่มีญาติ ภายในสวนพุทธชยันตี ใกล้กับชุมชนสุพจน์อุทิศ ซึ่งไม่เคยมีการเผาศพมาก่อนจึงรุดเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจรวม 6 นาย ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเข้าสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวซึ่งเป็นสวนมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมใกล้กับศาลพระภูมิและศาลตายายพบกลุ่มพระสงฆ์ประมาณ 20 รูป เดินจงกลมรอบโลงศพที่ตั้งอยู่บนกองฟืนสูงจากพื้นประมาณ 1.5 เมตร ก่อนทำพิธีสวดศพเมื่อเสร็จสิ้นได้ใช้ปี๊บน้ำมันก๊าดราดไปที่กองฟืนและโลงศพจนเปียกชุ่ม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปห้ามปรามโดยให้หยุดการกระทำดังกล่าวเนื่องจาก เพราะผิดกฎหมาย แต่ระหว่างนั้นทางเจ้าอาวาสทราบนามต่อมาคือพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตธัมโม ได้ยืนกรานให้ทำพิธีต่อและให้พระลูกวัดเข้ามาช่วยกันผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจออกนอกพื้นที่ อีกทั้งจะแจ้งความในข้อหาบุกรุก จากนั้นได้สั่งให้พระลูกวัดจุดไฟที่กองฟืน โดยมีชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงที่ไม่พอใจถึงการกระทำที่เกิดขึ้นต่างพากันมายืนเฝ้าสังเกตการณ์จากนั้นได้ช่วยกันนำถังดับเพลิงมาช่วยกันดับไฟ ซึ่งระหว่างนั้นทางเจ้าอาวาสเกิดบันดาลโทสะอย่างรุนแรงก่อนใช้น้ำมันก๊าดราดใส่ตัวนายสุชิน สังข์บุญลือ อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษา สำนักงานเขตทวีวัมนา และน.ส.ศิริวรรณ จีบเรียบ อายุ 25 ปี หลานสาว ที่มาช่วยกันดับเพลิงจนน้ำมันเปียกไปทั่วร่าง พร้อมทั้งสั่งให้พระลูกวัดจุดไฟเผาทั้งเป็น แต่นายสุชิน กลับใช้ถังดับเพลิงฉีดน้ำยาใส่เจ้าอาวาสจนเกิดการชุลมุนขึ้นระหว่างกลุ่มพระกับกลุ่มชาวบ้าน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้าห้ามปรามและแยกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายออกจากกัน แต่ขณะนั้นพระหลายรูปพูดจาหยาบคายโดยใช้คำไม่สำรวมราวกับไม่ใช่พระสงฆ์ ต่อมาร.ต.ท.ธนกร คารวพงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ธรรมศาลา จึงเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่าศพที่อยู่ในโลงคือ นางอ้วน พัฒนะประเสริฐ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1099/140 ม.6 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาสมุทรปราการด้วยสาเหตุภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยใบมรณะบัตรออกที่เทศบาลปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ โดยรถของทางโรงพยาบาลได้ส่งศพมาถึงสำนักปฏิบัติธรรมเมื่อช่วงบ่าย จากสอบถามพระรูปหนึ่งที่ร่วมพิธีฯโดยให้รายละเอียดว่า นางอ้วนเป็นบุคคลไม่มีญาติ มาอาศัยอยู่ที่วัดได้ประมาณ 5 ปี เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นางอ้วนมีอาการช็อกหมดสติญาติโยมอยู่ที่วัดจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ แต่นางอ้วนมีบัตรทองรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ จึงถูกย้ายไปรักษาต่อจนมาเสียชีวิตในวันต่อมา ซึ่งญาติโยมที่ตามไปด้วยได้ไปขอออกใบมรณะบัติที่เทศบาลปู่เจ้าสมิงพราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ระบุสถานที่ทำพิธีฌาปกิจที่สำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ทางสำนักปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเนื่องจากทำตามเอกสารถูกต้องทุกอย่าง ด้านนายสุชิน กล่าว่า วัดที่จะทำการเผาศพได้ต้องมีเมรุ หรือเตาเผาที่ใช้เผาศพ ส่วนวัดที่อยู่ต่างจังหวัดที่ไม่มีเมรุก็สามารถเผาบนกองฟืนได้ แต่ต้องอยู่ห่างไกลจากชุมชน ส่วนที่นี่มีทั้งเด็กเล็ก และคนชรา ถ้ามีการเผาศพขึ้นจะเป็นภาพที่อุจาดตาแก่ผู้พบเห็น โดยครั้งนี้ตนและหลานสาวขอยืนยันว่าจะเอาเรื่องเจ้าอาวาสให้ถึงที่สุด เนื่องจากมีจิตใจโหดเหี้ยมหวังจะเผาตนกับหลานสาวให้ตายทั้งเป็น โดยตนเห็นพฤติกรรมของพระในสำนักปฏิบัติธรรมนี้มานาน ซึ่งวัดนี้เลี้ยงไก่หลายตัวและที่หลังบ้านตนซึ่งอยู่ติดกับวัดมีซากไก่ที่ถูกเชือดโยนออกมาหลายตัวเช่นกัน อีกทั้งเวลากลางคืนพระก็จะสั่งหมูกระทะพร้อมล้อมวงกันดื่มสุรากันบ่อยครั้ง ทั้งนี้พระส่วนมากเป็นพระเขมร เมื่อประมาณ 2 เดือน ที่ผ่านมา กรมศาสนาก็มาจับพระภายในสถานที่ดังกล่าวไป 6 คันรถตู้ แต่สักพักก็กลับมามั่วสุมกันอีก จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว