ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับซูซูกิเซียส เพราะรถยนต์รุ่นนี้ได้เปรียบกว่าคู่แข่งในตลาดอยู่แล้ว แม้แต่สวิฟท์เอง เซียส ก็ใหญ่กว่าในทุกมิติรวมไปถึงฐานล้อ โดยได้ความยาวของตัวถัง 4,490 มม. กว้าง 1,730 มม. และสูง 1,475 มม. มีฐานล้อยาว 2,650 มม. ช่วงล้อหน้า 1,495 มม. ช่วงล้อหลัง 1,495 มม. จึงสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งในเมืองและเดินทางไกล ถึงจะเกาะกลุ่มในตลาดอีโคคาร์แต่เรื่องของตัวถังนั้นขยับขึ้นไปเหนือกว่าพวกซับคอมแพ็คด้วยซ้ำไป อีกทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้ก็มีความจุมากที่สุดคือ 1250 ซีซี ซึ่งก็ไม่ได้หนีไปจากเครื่องยนต์ของพวกรถคอมแพ็คสมัยก่อน ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าในปัจจุบันจึงสามารถรีดพละกำลังออกมาได้ดีกว่าพวกเครื่องยนต์ 1.3 ลิตรที่ติดตั้งอยู่ในรถ คอมแพ็คยุคก่อน อีกทั้งอัตราเร่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรด้วยซ้ำไป ทรงตัวดี เพื่อเป็นการพิสูจน์ในเรื่องของความอึดและสมรรถนะเซียสทางซูซูกิจึงมีการวางเส้นทางจากเชียงใหม่ถึงภูเก็ตเอาไว้ทดสอบสมรรถนะกัน แต่จะแบ่งการเดินทางออกเป็นช่วงๆ เริ่มต้นจากเชียงใหม่สู่พิษณุโลก หลังจากนั้นก็จะมีการสับเปลี่ยนกลุ่มผู้สื่อข่าวเพื่อเดินทางสู่กรุงเทพฯ กลุ่มที่ 3 ก็จะรับช่วงต่อเพื่อล่องใต้สู่จังหวัดชุมพร โดยจะมีกลุ่มสุดท้ายเดินทางต่อไปจนถึงภูเก็ต แม้เจอฝนก็ไม่หวั่น ซูซูกิเซียสถูกเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2558 ถึงปัจจุบันก็อยู่ในช่วงของกลางกลางซึ่งอย่างน้อยอายุไขของรถยนต์แต่ละรุ่นจะอยู่ประมาณ 4-5 ปี ถึงจะเป็นรถที่เน้นการใช้งานในเมือง แต่ก็เน้นการเดินทางสบายๆ กับความใหญ่ของห้องโดยสารไม่ต้องนั่งอึดอัดแบบซิตี้ คาร์ การออกแบบก็ทำได้ลงตัวระหว่างความกว้างและความยาว จึงได้สัดส่วนที่ลงตัวพอดี รถรุ่นนี้จะได้โครงสร้างตัวถัง TECT ซึ่งใช้โครงสร้างตัวถังทำจากเหล็กกล้า มีน้ำหนักเบา ทนต่อการสึกหรอเป็นพิเศษให้ความปลอดภัยสูงสุดสำหรับคนขับและผู้โดยสาร นั่ง3คนได้สบาย เบาะนั่งมีขนาดพอดีสำหรับคนเอเชีย แต่จะดูแคบสำหรับคนตัวใหญ่ แต่ก็มีพื้นที่ระหว่างเบาะกับแผงประตูอีกประมาณฝ่ามือ ช่วยลดความอึดอัดลงไปได้เยอะ ปีกของเบาะมีขนาดใหญ่พอสมควร ทำให้กระชับตัว ส่วนความสูงของเบาะนั้นเพียงพอสำหรับบุคคลทั่วๆไป ตรงกลางเบาะหน้าจะมีกล่องเก็บของเล็กๆ ใช้ฝาปิดเป็นที่เท้าแขนไปในตัว เบาะหลังจะมีที่วางแขนพร้อมกับหลุมสำหรับวางแก้วน้ำ รองรับผู้โดยสารได้ 3 คน โดยมีเข็มขัดนิรภัยมาให้ 3 ตำแหน่ง ระยะห่างระหว่างเบาะก็มากพอจนไม่รู้สึกอึดอัดสำหรับคนตัวใหญ่ๆ โดยมีระยะห่างจากตำแหน่งคนนั่งเบาะหน้ากับเบาะหลัง 840 มม. จึงได้ที่วางขากว้างๆ สิ่งที่เจอเมื่ออยู่ภายในรถคือเสียงรบกวนจากภายนอกมีน้อย จากความนุ่มนวลและลดแรงเสียดทานขณะขับขี่ พร้อมกับการลดเสียงรบกวนจากภายนอก เนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาสำหรับเน้นการใช้งานในเมือง พวงมาลัยจึงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เบาแรงเวลาหักเลี้ยว ทุกรุ่นจะมีถุงลมนิรภัยคู่หน้ามาให้ การปลดล็อคประตูก็มีแค่รีโมทติดตัว สามารถกดปุ่มปลดล็อคเปิดประตูได้เลย รวมถึงฝาท้ายที่มีปุ่มกดในรถติดมาให้ แต่ถ้าเกิดรวนขึ้นมาก็ยังมีสายสลิงไว้ดึงเปิดฝาท้ายอีกทางหนึ่ง ห้องเก็บของกว้าง ภายในรถจะมีช่องเก็บของมากมาย แต่ละจุดสามารถวางขวดน้ำได้ ทำให้ไม่ต้องวางบนพื้นให้เกะกะ ในรถรุ่นนี้จะมีเครื่องเสียงที่รองรับช่องต่อยูเอสบีได้ สำหรับรถรุ่นท็อปจะเชื่อมต่อกับบลูทูธได้ด้วย พวงมาลัยแบบ 3 ก้านจะมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงมาให้ แผงหน้าปัดมีจอมัลติดิสเพลย์ สำหรับการแสดงข้อมูลต่างๆ แบบรถยุคใหม่ ทำให้รู้ถึงระยะทางและอัตราบริโภคได้ การสตาร์ทรถก็แค่กดปุ่ม แต่ก็ต้องให้เหยียบเบรกด้วย เครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้ในซูซูกิ สวิฟท์ในรหัส K12B ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบDOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันทั้งทางฝั่งไอดีและไอเสีย ความจุของเครื่องยนต์ 1,242 ซีซี. มีกำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ใช้ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติซีทีวี อัตราเร่งของช่วงออกตัวจะช้าบ้างเพราะต้องแบกตัวถังใหญ่กว่าสวิฟท์ พอความเร็วได้ระดับแล้วอัตราเร่งจะมาเร็วขึ้น จนถึง 140 กม./ชม. หลังจากนั้นก็จะมาช้า แต่ก็ยังทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 170 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์ต่ำมาก ความเร็ว 100 กม./ชม. อยู่ที่ 1,750 รอบ/นาที แต่รอบเครื่องยนต์ขึ้นเร็วเมื่อเพิ่มน้ำหนักกดคันเร่งรอบจะขึ้นไป 2,000 รอบ/นาที อย่างรวดเร็ว ที่หลายคนชอบน่าจะเป็นเรื่องของช่วงล่าง ขับแล้วรู้สึกหนึบกว่าสวิฟท์เยอะ เป็นเพราะได้ความกว้างของตัวรถเพิ่ม แล้วมีการปรับเซ็ตระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม ที่ซับแรงกระแทกได้ ดีขึ้นทั้งทางตรงและในโค้ง จึงเป็นรถที่ใช้งานได้ทั้งในเมืองและเดินทางไกล