เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ 17 ส.ค.60 ที่กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส.พ.ต.อ.นพดล นิลมานนท์ รอง ผบก.สกส.บช.ปส. พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ มงพลเมือง รอง ผบก.ศฝร.ภ.7 ช่วยราชการ สกส.บช.ปส.พ.ต.อ.อนุรักษ์ ชาติสุวรรณ รอง ผบก.สกส.บช.ปส.พ.ต.อ.ปริญ อร่ามเรืองกุล รอง ผบก.สกส.บช.ปส.พ.ต.อ.นพดล กาญจนารมย์ ผกก.1 บก.สกส.บช.ปส.พ.ต.อ.บุญส่ง สนธยานานนท์ ผกก.2 บก.สกส.บช.ปส.พ.ต.อ.ดอย วงค์พุ่ม ผกก.3 บก.สกส.บช.ปส.พ.ต.อ.เสวี ยะสวัสดิ์ ผกก.4 บก.สกส.บช.ปส.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 คนนายสิทธิโชค บริบูรณ์อายุ 28 ปีอยู่บ้านเลขที่ 847 ถ.อ่อนนุช แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร นาย สหภาพ ปิยะรัตน์ อายุ 24 ปีอยู่บ้านเลขที่ 43/132 ม.8 ซ.ลาดกระบัง14/1 ต.ราชาเทวะแขวงราชาเทวะ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ นายศิวาร สิงขุนทด อายุ 20 ปีอยู่บ้านเลขที่ 303 ม.6 ต.ด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จว.นครราชสีมานายวรวงศ์ ทาหอมอายุ 20 ปีอยู่บ้านเลขที่ 66 ม.5 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ จว.ปราจีนบุรีพร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 440 มัดรวมประมาณ 880,000 เม็ดยาไอซ์จำนวน 1 ห่อรวมน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัมโทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง พล.ต.ต.ทนัย กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มชายวัยรุ่นร่วมกันกับพวกลักลอบขนส่งยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงรายส่งเข้าสู่ตอนในของประเทศไทยด้วยวิธีการลำเลียงยาเสพติดส่งผ่านบริษัทขนส่งพัสดุและสินค้าเอกชนจึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนมาร่วมประชุมวางแผนจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยจัดแบ่งกำลังเจ้าพนักงานตำรวจ ไปขอความร่วมมือกับบริษัทขนส่งเอกชนที่บริการรับฝากและขนส่งพัสดุและทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบพัสดุที่รับฝากส่งในพื้นที่ จว.เชียงราย พร้อมวางกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเฝ้าสังเกตการณ์ที่บริษัทสยามเฟิร์ส สาขาเชียงรายพบเห็นนายศิวารและนายวรวงศ์ ได้มาส่งกล่องพัสดุที่บริษัทดังกล่าว โดยนายศิวารและนายวรวงศ์ได้ช่วยกันยกกล่องกระดาษสีน้ำตาลจำนวน 4 กล่อง ลงจากท้ายรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า ทะเบียนป้ายแดง เมื่อนายศิวารและนายวรวงศ์ ส่งกล่องพัสดุเสร็จได้เดินกลับไปขึ้นรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวแล้วขับออกไปเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สะกดรอยติดตามรถยนต์คันดังกล่าวไป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอีกชุดได้ร่วมกับพนักงานบริษัทสยามเฟิร์ส ตรวจสอบกล่องพัสดุจำนวน 4 กล่องที่นายศิวารและนายวรวงศ์นำมาฝากส่งซึ่งด้านหน้ากล่องพัสดุระบุชื่อผู้รับว่าสารินฤทธิ์สกุล หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ 09-8986-5375 (ห้ามโยน)ทั้ง 4 กล่องซึ่งการส่งกล่องพัสดุดังกล่าวนายศิวารได้ใช้เอกสารบัตรประจำตัวประชาชนของคนชื่อสาริน ฤทธิ์สกุลเป็นผู้รับ จากการตรวจสอบภายในกล่องพัสดุพบของกลางยาบ้าจำนวน 440 มัดรวมประมาณ 880,000 เม็ดยาไอซ์จำนวน 1 ห่อรวมน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัมซุกซ่อนอยู่ในกล่องพัสดุจำนวน 4 กล่อง จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่สะกดรอยติดตามให้ทำการควบคุมตัวนายศิวารและนายวรวงศ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ติดตามเข้าไปในบริเวณสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงพบนายศิวารและนายวรวงศ์ พร้อมกับนายสิทธิโชคและนายสหภาพเดินออกจากลานจอดรถยนต์ในสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเดินตรงไปที่อาคารผู้โดยสารสนามบิน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้แสดงตัวทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไว้ พล.ต.ต.ทนัย กล่าวเพิ่มเติมว่าจากการสอบสวนนายสิทธิโชคได้ให้การรับสารภาพว่าตนได้รับการว่าจ้างจาก พี่ว่ามีงานให้ทำให้ขึ้นไปที่จว.เชียงรายไปรับยาเสพติดจากต.นางแล อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงรายแล้วให้ส่งยาเสพติดมากับบริษัทสยามเฟิสท์ เชียงรายตนจึงรับทำงานและได้หาคนมาช่วยทำงานโดยตนได้ชวนนายสหภาพนายศิวารและนายวรวงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาช่วยในการลำเลียงยาเสพติดด้วย โดยตนจะจ่ายค่าจ้างให้คนละ 100,000 บาทจะจ่ายให้เมื่อทำงานสำเร็จตนได้รับค่าจ้างล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้างเป็นเงินจำนวน 20,000 บาทโดยนัดเจอกันที่สถานีขนส่งหมอชิตเพื่อเดินทางไปทำงานที่ จว.เชียงรายด้วยรถทัวร์ออกจากกรุงเทพฯมาถึง จว.เชียงรายได้นั่งรถสามล้อไปหาห้องเช่าและเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งอยู่แยกมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายแล้วจึงออกไปหาเช่ารถยนต์พอได้รถยนต์เช่าจึงได้กลับมาที่ห้องพักแล้วออกไปหาซื้ออุปกรณ์มาบรรจุยาเสพติดแล้วจึงออกไปรับยาเสพติดที่น้ำตกนางแลใน โดยตนและนายสหภาพเป็นผู้นำทางให้กับนายศิวารและนายวรวงศ์ไปรับยาเสพติดเมื่อรับยาเสพติดมาแล้วได้นำยาเสพติดไปแพ็คหรือบรรจุที่ห้องพักเสร็จตนได้สั่งให้นายศิวารและนายวรวงศ์ไปส่งกล่องพัสดุที่บริษัทสยามเฟิสท์ สาขาเชียงราย ส่วนตนและนายสหภาพไปรอที่สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จว. เชียงราย จนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว และนายสิทธิโชคยังรับสารภาพอีกว่าตนกับพวกเคยกระทำการลักษณะแบบดังกล่าวนี้มาแล้วจำนวน 3 ครั้ง โดยกล่าวหาว่า“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทเอมเฟตามีนหรือยาบ้าและไอซ์)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สินบช.ปส.เพื่อขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป