ยังอยู่ที่สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริต.ขันควร อำเภอปง จังหวัดพะเยา นายพลากร สุวรรณรัฐองคมนตรีและคณะได้ปลูกต้นต๋าวเพิ่มขึ้นอีกในพื้นที่สถานีฯ แล้วปลูกกาแฟคู่กันไปปลูกต้นไม้แล้วไปร่วมทำฝายชะลอน้ำกับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านสันติสุขแล้วก็ชาวบ้าน นักเรียนโรงเรียนบ้านสันติสุขอยู่ในครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่รอบๆโครงการสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงฯหลายคนบอกว่ามีความคุ้นเคยกับพื้นที่โครงการฯนี้เป็นอย่างดีเพราะวันหยุดเสาร์—อาทิตย์และปิดเทอมมักมารับจ้างทำงานได้ค่าแรงวันละ 120 บาท ทางโครงการจะจะจ้างมาพร้อมๆกัน 5-10 คน เป็นรายได้ที่นักเรียนบอกว่าเอาไปช่วยครอบครัวได้บ้าง เอาไว้เป็นค่าขนมบ้าง นับว่าได้รับผลพวงแห่งพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถตั้งแต่พ่อแม่มาถึงรุ่นลูกและพระมหากรุณาธิคุณยังคงแผ่ไพศาลต่อไปตราบรุ่นแล้วรุ่นเล่า หลังจากปลูกต๋าวปลูกกาแฟ รวมถึงการร่วมทำฝายชะลอน้ำบริเวณใกล้กับที่ปลูกต้นไม้ องคมนตรีได้ไปที่แปลงนาก่อนที่จะลงแปลงได้มอบปัจจัยการเกษตรเช่นปุ๋ยอินทรีย์ เมล็ดพันธุ์ปอเทืองไว้สำหรับหวานทำพืชสดบำรุงดิน พันธุ์ข้าวปลูกพระราชทาน จากนั้นลงแปลงดำนาร่วมกับนักเรียน ชาวบ้านรวมถึงรองเลขาธิการกปร. ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ลงด้วย และอีกหลายท่านในพื้นที่นา ๑ ไร่ ของ นายสมหวัง วรกิจพาณิชย์ มีข้อมูลว่าใช้ข้าว ๓ พันธุ์ ได้แก่ ข้าวพันธุ์เบล้เลี้ยะ ปลูกจำนวน ๑ งาน คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 370 กก./ไร่ ข้าวพันธุ์มะลิดอย จะปลูกจำนวน ๑ งาน คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 392 กก./ไร่ และข้าวพันธุ์ กข. 39 จะปลูกจำนวน 2 งานคาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 490 กก./ไร่ โดยมีเกรฑ์ ปีที่ผ่านมาเจ้าของนาปลูกข้าวพันธุ์ กข.39 ได้ผลผลิต 490 กก./ไร่ ทั้งนี้ได้มีข้าราชการ ประชาชน และเยาวชนในพื้นที่นับร้อยคน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จากการดำเนินงานสนองพระราชดำริสมเด็จพระบรมราชินีนาถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทำให้คุณภาพชีวิตของราษฎรดีขึ้น พื้นที่เกิดป่าไม้ที่สมบูรณ์มากขึ้นจากการที่ป่าเดิมไม่ถูกบุกรุกตัดป่าเกิดเองใหม่ส่วนหนึ่ง ช่วยกันปลูกเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง ชาวบ้านในพื้นที่รอบๆสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงฯมีความรู้ในการประกอบอาชีพทำการปลูกข้าวแบบนาขั้นบันไดที่นอกจากช่วยให้ได้ผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นและลดพื้นที่ทำนาไร่เช่นในอดีตแล้วยังไม่ต้องใช้พื้นที่มากเหมือนทำข้าวไร่ รวมถึงสามารถปลูกพืชเมืองหนาว กาแฟ แมคคาเดเมีย และอื่นๆเพื่อเพิ่มรายได้ส่งผลให้ราษฎรมีความรักและช่วยดูแลรักษาผืนป่าและสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศอีกด้วย “สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริ บ้านสันติสุข-บ้านขุนกำลัง” ณ บ้านสันติสุข โดยเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2548 สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสภาพพื้นที่บริเวณดอยผาช้าง บ้านสันติสุข หมู่ 7 ตำบลขุนควร อำเภอปง จังหวัดพะเยา เมื่อทอดพระเนตรสภาพพื้นที่แล้วได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงขึ้น เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ ป่าต้นน้ำที่ถูกบุกรุกแผ้วถางให้สมบูรณ์ โดยให้ราษฎรทั้งสองหมู่บ้านเข้าร่วมพัฒนาด้วยเพื่อเรียนรู้วิธีการทำอาชีพเกษตรกรรมอย่างถูกหลักวิชาการ โดยใช้ที่ดินอย่างจำกัดแล้วให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจนมีผลผลิตเพียงพอต่อการเลี้ยงตนเองได้ ทั้งยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้คืนความสมบูรณ์ขึ้นอีก การสนองพระมหากรุณาธิคุณมีการตั้งธนาคารข้าวให้เหมือนธนาคารการเงิน และแนวพระราชดำริมีพระราชประสงค์ให้สถานีพัฒนาเกษตรที่สูงฯเป็นสถานที่เรียนรู้เสมือนวิทยาลัยชุมชนและเป็นแหล่งรับจ้างเป็นแรงงานของชุมชนฝึกทำการเกษตรแผนใหม่ควบคู่กับการอนุรักษ์ดินและน้ำ เนื่องจากราษฎรขาดทักษะและขาดความรู้ทางด้านการเกษตร ส่งเสริมให้ราษฎรมีความเข้าใจว่าป่ามีความสำคัญกับน้ำอย่างมาก ถ้าถางป่าหมดก็จะเกิดความแห้งแล้ง แนวทางดังกล่าวนี้จะเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนของราษฎร ส่งเสริมให้ราษฎรมีความรู้ทางการเกษตรอย่างถูกวิธี ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และสัตว์ป่าได้รับการฟื้นฟูให้มีความอุดมสมบูรณ์ ชุมชนมีความเข้มแข็ง ปัญหายาเสพติดจะหมดไป เกิดความมั่นคงต่อชาติบ้านเมือง ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเกื้อกูลกัน สำหรับกิจกรรมที่ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จในพื้นที่ ได้แก่ ส่งเสริมการปลูกพืชผักปลอดภัยจากสารพิษ ที่สถานีพัฒนาเกษตรที่สูงตามพระราชดำริฯเป็นต้นแบบ ทำให้ชาวบ้านนำไปใช้กับแปลงของเกษตรกรในหมู่บ้านเองด้วย รวมทั้งการส่งเสริมการปลูกข้าวโดยได้ทดลองปลูกข้าวในพื้นที่โครงการฯ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวอย่างถูกต้องเหมาะสมและเป็นต้นแบบการทำนาดำแบบยั่งยืน และใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีการทดสอบและพัฒนาเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวนาดำ เพื่อเพิ่มระดับผลผลิตข้าวนาดำให้สูงขึ้น ซึ่งจากเดิมได้ผลผลิตข้าว ๔ – ๕ ถังต่อไร่ ปัจจุบันได้ผลผลิตประมาณ ๔๐ – ๕๐ ถังต่อไร่มาอย่างต่อเนื่อง นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีบอกสื่อมวลชนว่า สำหรับชาวบ้านที่อยู่รอบๆสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงฯบ้านสันติสุข-บ้านควรส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง พื้นที่ในอดีตเกี่ยวข้องกับความมั่นคงเพราะความไม่เข้าใจในการที่คนจะอยู่กับป่าได้ยังไง แต่เมื่อเข้าใจแล้วก็อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้สนองพระมหากรุณาธิคุณช่วยกันฟื้นฟูป้องกันไม่ให้เกิดการบุกรุกทำลาย อยู่แบบพึ่งพาอาศัยโดยมีสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงตามพระราชดำริเป็นศูนย์รวมใจ อย่างการทำนาตอนนี้ก็เอาความรู้ความเข้าใจในการทำเป็นนาดำขั้นบันไดเข้าไปส่งเสริม ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลผลิตสูง ต่างจากทำนาแบบข้าวไร่ใช้พื้นที่เยอะต้องบุกรุกป่าเยอะแต่ผลผลิตได้น้อย เมื่อมาทำนาดำมีพื้นที่ป่าเหลือไม่ไปถากถางต้นไม้ก็ขึ้นเองตามพระราชดำริที่ว่าเมื่อไม่ทำลายเขาเขาก็ขึ้นมาเอง โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ บ้านสันติสุขนับว่าเป็นโครงการต้นแบบการใช้พื้นที่สำหรับการปลูกพืชบนที่สูงแบบอนุรักษ์ และรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้การทำนาดำอย่างถูกต้อง เหมาะสม ให้ราษฎรบ้านสันติสุข-บ้านขุนกำลัง ตำบลขุนควร อำเภอปง จังหวัดพะเยา ได้รับประโยชน์จากพื้นที่อย่างยั่งยืน สำหรับงานฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติได้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นกว่า ๔,๐๐๐ ไร่ นอกจากนั้นราษฎรยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ๑๕,๐๐๐ บาท/ครัวเรือน/ปี เป็น ๕๐,๐๐๐ บาท/ครัวเรือน/ปี อีกด้วย