รถยนต์เป็นพาหนะจำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องใช้สำหรับเดินทางสิ่งจำเป็นที่ต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดีนั้นคือเครื่องยนต์ที่เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนซึ่งทุกคนปรารถนาให้เครื่องยนต์รถของตนสตาร์ทติดง่ายเครื่องยนต์แรงนอกจากน้ำมันเครื่องที่ต้องถ่ายเครื่องอยู่ตามระยะเวลาแล้วอีกอย่างหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นในช่วงเวลานี้ก็คือ หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง มีปมดราม่าดราม่าเกิดขึ้น จนมีคนเริ่มตั้งคำถาม ว่าที่เราเอามาเติมๆ กันอยู่มันส่งผลร้ายหรือผลดีต่อ เครื่องยนต์รถของเรามากเพียงไหนกัน วันนี้ทีมไขประเด็นได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงของประเด็นดังกล่าวมาเพื่อให้ทุกคนได้ทราบความจริงกันว่าเป็นอย่างไรโดย “อาจารย์เจษฎ์” ซึ่งเป็นเพจดังด้านทดลองหาความจริงทางวิทยาศาสตร์ โดย รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ มาไขข้อข้องใจว่าจริงๆแล้ว หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง มีความจำเป็นกับรถของเราหรือไม่ "ช่วงนี้มีคนส่งคำถามเกี่ยวกับ "หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง" กันมามาก โดยเฉพาะจากการที่มีดราม่ากันอยู่ยี่ห้อหนึ่ง และก็ขอให้ผมช่วยพิสูจน์ยี่ห้อนั้นให้ด้วยว่า ดีจริงหรือไม่ หรือทำให้รถพังหรือเปล่า รถยนต์ของเรานั้น ต้องมี "น้ำมันเครื่อง" ที่ช่วยในการหล่อลื่นและระบายความร้อนจากเครื่องยนต์เวลาทำงาน ไม่ให้สึกหรอ โดยน้ำมันเครื่องนั้น หลักๆ จะประกอบไปด้วย “น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน” (Base Oil) อยู่ 75-90% และ “สารเติมแต่ง” (Additives) อีกประมาณ 10-25% ซึ่งสารเติมแต่งนี้ จะช่วยในการทำความสะอาดเครื่องยนต์ ลดอัตราการสึกหรอ ลดการรั่วไหลของกำลังอัด ฯลฯ โดยที่น้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ก็จะมีสูตรของสารเติมแต่งที่ต่างกันไป ทีนี้ เจ้า“หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง” (Oil Additives) มันก็คือพวกสารเติมแต่งนั้นเองแหล่ะ โดยแต่ละยี่ห้อ ก็จะมีสัดส่วนจำเพาะของสารเคมีที่มีคุณสมบัติต่างๆ เช่น "สารทำความสะอาด"(Detergents) ที่ช่วยลดการสะสมตัวของสิ่งเจือปนในน้ำมันเครื่อง ชะล้างเม็ดฝุ่นและผงเหล็กจากพื้นผิวเครื่องยนต์เพื่อลดสึกหรอ หรือ "สารป้องการความเป็นกรด" (Anti-acids) ที่ช่วยปรับให้น้ำมันเครื่องไม่เป็นกรดมากเกินไปจนเกิดการกัดกร่อนกับเครื่องยนต์สั้นได้ และ "สารปรับแต่งความหนืด" (Viscosity Modifiers) ที่ช่วยทำให้น้ำมันเครื่องรักษาความหนืดที่ดีที่สุดไว้แม้จะทำงานในอุณหภูมิ และความดันสูง ดังนั้นหากเราเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามเวลาที่กำหนด และเลือกใช้เกรดน้ำมันเครื่อง ตรงตามคู่มือที่ระบุไว้แล้ว เครื่องยนต์ก็สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยไม่จำเป็นต้องเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องแต่อย่างใด