กรมธนารักษ์เจ้าของที่ดินราชพัสดุแจ้งความดำเนินคดีผู้ปลูกบ้านรุกคลองลาดพร้าวอีก 57 ราย เพิ่มจากที่แจ้งความไปแล้ว 16 ราย ตาม กม.ที่ดินมาตรา 9 โทษจำคุก 3-5 ปี รอง ผบชน.ยืนยันเอาผิดนายทุน เจ้าของห้องเช่า รวมทั้งแกนนำและผู้ที่ยุยงขัดขวางโครงการพัฒนาคลองเพราะเสียผลประโยชน์และหวังผลทางการเมือง ด้านบริษัทรับเหมาสร้างเขื่อนระบายน้ำยืนยันหากไม่มีคนคัดค้านจะสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมเสร็จกลางปี 2562 แน่นอน ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาการบุกรุกลำน้ำสาธารณะ โดยเฉพาะในคลองลาดพร้าว ซึ่งมีการปลูกสร้างบ้านเรือนกีดขวางทางระบายน้ำ จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม รัฐบาลจึงมีโครงการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าวเพื่อป้องกันน้ำท่วม โดยมอบหมายให้ กทม.รับผิดชอบการก่อสร้างเขื่อน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนงานรองรับประชาชนเรื่องที่อยู่อาศัยที่จะต้องรื้อย้ายบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ และกรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของที่ดินราชพัสดุจะให้ชาวบ้านเช่าที่ดินที่เหลือจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ เพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังคัดค้านโครงการและไม่ยอมรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ จึงทำให้โครงการสร้างเขื่อนฯ และสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนงาน กรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของที่ดินจึงได้แจ้งความร้องทุกข์แก่กลุ่มผู้ที่คัดค้านโครงการ โดยในวันนี้ (13 กันยายน) เวลา 10.30 น.ที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน นายสมคิด สมศรี (อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม.) ในฐานะผู้อำนวยการ คณะทำงานกองอำนวยการร่วมพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวและริมฝั่งเจ้าพระยา พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรองผู้อำนวยการฯ พร้อมทั้งตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมธนารักษ์ กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บุกรุกก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลองสาธารณะคลองลาดพร้าว โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมธนารักษ์เป็นตัวแทนนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมอีก 57 หลาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความไปแล้ว 2 ครั้ง มีผู้ถูกกล่าวหารวม 16 ราย การแจ้งความร้องทุกข์ในวันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีฯ ต่างๆ มารับแจ้งความ ประกอบด้วย สน.สายไหม รับแจ้งความ 1 ราย, สน.พหลโยธิน 12 ราย, สน.บางเขน 23 ราย สน.ดอนเมือง 9 ราย, สน.วังทองหลาง 4 ราย สน.ห้วยขวาง 1 ราย และ สน.ทุ่งสองห้อง 7 ราย ซึ่งผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นเจ้าของบ้านเช่าในชุมชนริมคลอง ประมาณ 30 ราย เป็นแกนนำชุมชนประมาณ 15 ราย ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าของบ้านที่ขัดขวางไม่ยอมรื้อย้ายบ้านและไม่ร่วมโครงการ เช่น ชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา เขตดอนเมือง, ชุมชนสะพานไม้ 2 เขต หลักสี่ ฯลฯ นายสมคิด สมศรี กล่าวว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมและการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวเริ่มดำเนินการมา 2 ปีแล้ว ซึ่งประชาชนริมคลองส่วนใหญ่ก็เข้าใจและให้ความร่วมมือกับโครงการเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย สร้างสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตใหม่ของประชนที่อยู่อาศัยริมคลองให้ดีขึ้น รวมทั้งเพื่อแก้ปัญหาการระบายน้ำในคลอง แต่ยังมีคนกลุ่มน้อยที่ยังไม่เข้าใจ ไม่ให้ความร่วมมือ แม้ว่าจะสร้างความเข้าใจแล้ว โดยการส่งทีมงานชุดมวลชนสัมพันธ์เข้าไปในชุมชนริมคลองต่างๆ ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า ดังนั้นทางราชการจึงจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายบังคับ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง กล่าวว่า การแจ้งความในวันนี้ กรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของที่ดินราชพัสดุได้แจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 โดยการเข้าไปยึดถือครองที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เช่น ที่ริมตลิ่ง ทางน้ำ คลอง ฯลฯ ซึ่งมีโทษตามกฎหมายที่ดินและกฎหมายอาญา มีอัตราโทษจำคุก 3 ปีถึง 5 ปี ทั้งนี้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ไปแล้ว 2 ครั้ง รวม 16 ราย ซึ่งทั้ง 16 รายได้เข้ามามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และเข้าใจว่าตนไม่มีสิทธิที่จะอยู่ และยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการกับรัฐ ยอมรื้อถอนบ้าน ซึ่งในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะช่วยหาทางบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับผู้ที่ขาดเจตนาหรืออยู่อาศัยมานานตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ “ส่วนผู้ที่รู้ตัวเองว่าไม่มีเอกสารสิทธิ แต่มีเจตนาจะดื้อดึง ขัดขวางการพัฒนาคลอง กรมธนารักษ์ในฐานะเป็นผู้เสียหายจึงมาแจ้งความในวันนี้ และจะส่งหมายเรียกไปยังผู้ที่ถูกข้อกล่าวหาโดยเร็ว หากเรียกไปแล้วครั้งที่ 1 ยังไม่มา ครั้งที่ 2 ยังไม่มา ก็จะต้องออกหมายจับต่อไป โดยเฉพาะพวกนายทุน เจ้าของห้องเช่า เก็บเงินค่าเช่าเดือนละ 2-3 พันบาทต่อเดือน มีห้องเช่าเป็นสิบห้อง พวกบ้านใหญ่ไม่ยอมรื้อย้าย พวกนี้เราจะต้องดำเนินคดีโดยเร็ว” พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าว รอง ผบชน.กล่าวด้วยว่า สำหรับแกนนำหรือผู้ที่หวังผลประโยชน์ทางการเมืองและไปให้ข้อมูลที่ผิดๆ กับประชาชน หรือยุงยงให้ประชาชนคัดค้านหรือไม่ยอมเข้าร่วมโครงการ เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ หากมีความผิดก็จะพิจารณาดำเนินคดีต่อไป แต่หากเป็นการให้คำแนะนำตามมนุษยธรรมก็สามารถทำได้ ส่วนความคืบหน้าในการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าวเพื่อป้องกันน้ำท่วม ความยาวทั้งหมด (ทั้ง 2 ฝั่ง) ประมาณ 31 กิโลเมตร ขณะนี้บริษัทริเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งประมูลงานได้ในวงเงิน 1,645 ล้านบาท ได้ตอกเสาเข็มเพื่อเป็นฐานรากพนังเขื่อนไปแล้วประมาณ 14,000 ต้น จากเสาเข็มทั้งหมดประมาณ 60,000 ต้น คิดเป็นระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร หรือกว่า 20 % ของเนื้องานทั้งหมด ซึ่งตามแผนงานบริษัทจะต้องตอกเสาเข็มให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อก่อสร้างพนังเขื่อน ทางเดินตามแนวพนังเขื่อน รั้วเหล็กกันตก ฯลฯ ให้แล้วเสร็จทั้งโครงการภายในช่วงกลางปี 2562 โดยทางบริษัทยืนยันว่าหากไม่มีกลุ่มที่คัดค้านและยอมรื้อบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ บริษัทจะสามารถสร้างเขื่อนให้เสร็จทันตามกำหนดอย่างแน่นอน ขณะที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ มีเป้าหมายจะสนับสนุนงบประมาณและสินเชื่อเพื่อให้ชาวชุมชนที่สามารถอาศัยอยู่ในที่ดินที่เหลือจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ สร้างบ้านและสร้างชุมชนใหม่ตามโครงการบ้านประชารัฐริมคลอง รวมทั้งจัดหาที่ดินสร้างชุมชนใหม่ หรือเข้าอยู่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติ รวม 52 ชุมชน จำนวน 7,081 ครัวเรือน ภายในสิ้นปี 2561 โดยขณะนี้สร้างบ้านเสร็จแล้ว 12 ชุมชน รวม 846 ครัวเรือน ทั้งนี้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ ‘พอช.’ จะสนับสนุนงบประมาณตามโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองหรือ ‘บ้านประชารัฐริมคลอง’ โดยแยกเป็น 1.งบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ครัวเรือนละ 50,000 บาท 2.อุดหนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย (สมทบปลูกสร้างบ้าน,ซื้อที่ดิน) ครัวเรือนละ 25,000 บาท 3.งบช่วยเหลือแบ่งเบาผู้ได้รับผลกระทบ (ค่าที่พักชั่วคราว,ลดภาระหนี้สินในการกู้เงินสร้างบ้าน ฯลฯ) ครัวเรือนละ 72,000 บาท 4.งบบริหารจัดการ ชุมชนละ 50,000-500,000 บาท 5.งบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ครัวเรือนละ 330,000-360,000 บาท ชำระคืนภายใน 20 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี