เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 2 ต.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) พ.ต.อ.ไมตรี พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รรท.ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท. ภาณุมาศ แสงส่อง สว.กก.1 บก.ป.และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. ทำการจับกุมตัว นายบำรุง จันทวงษ์ อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132/12 ม.1 ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 341/2559 ลงวันที่ 23 มิ.ย.59 ในความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และพยายามข่มขืน, บุกรุกเคหะสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.วิหารแดง จ.สระบุรี (วัดบ้านดอน) สืบเนื่องจากเมื่อช่วงประมาณเดือน มิ.ย. 59 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงชรา อายุประมาณ 70 ปี พร้อมญาติพี่น้องได้เดินทางมาเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่าได้ถูกนายบำรุง ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันนั้น แอบปีนขึ้นบ้านพัก เพื่อที่จะพยายามก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในบ้านพักเพียงลำพัง โดยการใช้กำลังบังคับขืนใจ แต่ผู้เสียหายได้พยายามขัดขืนตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งเพื่อนบ้านได้ยินจึงรีบเข้ามาให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที ส่วนตัวนายบำรุงนั้นได้ไหวตัวหลบหนีไปได้ก่อน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าภายหลังจากก่อเหตุผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.สระบุรี จึงนำกำลังเข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบเห็นนายบำรุงหรือพระบำรุง กำลังนั่งฉันอาหารเช้าอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแสดงหมายจับ พร้อมกับเจรจาให้พระบำรุงยอมสึก ก่อนจะทำการควบคุมตัวมาทำการสอบสวนยังกองบังคับการปราบปรามดังกล่าว จากการสอบสวน นายบำรุง ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุตนและผู้เสียหายนั้นได้เคยคบหาและหลับนอนด้วยกันกับตนเองมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากผู้เสียหายชอบมาดื่มสุราด้วยกันที่บ้านของตนในช่วงเวลาที่ภรรยาของตนไม่อยู่บ้าน โดยในวันเกิดเหตุตนได้ตั้งใจจะนำอาหารเช้าไปส่งให้กับผู้เสียหายที่บ้านพัก แต่เมื่อผู้เสียหายพบหน้าตนกลับร้องตะโกน ขอความช่วยเหลือ ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร กระทั่งมีเพื่อนบ้านเดินเข้ามา ตนจึงได้เดินออกจากบ้านหลังดังกล่าวไป กระทั่งช่วงเวลากลางดึกต่อมาตนทราบเรื่องว่าบุตรหลานของผู้เสียหายไม่พอใจจากเหตุการณ์ดังกล่าวและได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.ปากเก็ด จึงได้แสดงความบริสุทธิ์ เดินทางไปเข้าพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งเมื่อมีการสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้บอกกลับตนว่าสามารถกลับบ้านได้เพราะพ้นจากข้อกล่าวหาแล้ว แต่ช่วงระหว่างที่กำลังเดินกลับบ้านตนกลับถูกกลุ่มบุตรหลานของผู้เสียหายรุมทำร้ายร่างกาย พอกลับถึงบ้านได้ตนจึงตัดสินใจไปบวชอยู่ที่วัดในภูมิลำเนาเดิมของตนเองที่ จ.สระบุรี จนกระทั่งได้ขึ้นเป็นรองเจ้าอาวาส ในปัจจุบัน นั้น ก็เพื่อต้องการปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากชีวิตไม่ได้บวชพระเพื่อหลบหนีคดีแต่อย่างใด กระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว “ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุตนเองเป็นคนเจ้าชู้มาก มีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตหลายคน แต่ยืนยันว่ามีภรรยาที่รักเพียงคนเดียวและมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 8 คน เพราะตนถือคติว่า หากไม่มีลูกด้วยกันจะไม่นับเป็นภรรยา” นายบำรุง ผู้ต้องหากล่าวทิ้งท้าย