วันที่ 24 ต.ค.60 ประชาชนทั้งจากกรุงเทพและต่างจังหวัดมาจับจองพื้นที่บริเวณฟุตปาธของถนนราชดำเนินกลางและถนนอัษฎางค์ ริมคลองหลอดเป็นจำนวนมาก เพื่อพักค้างแรมรอเวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ตามที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศว่าจะเปิดจุดคัดกรองให้ประชาชนได้เข้าพื้นที่บริเวณรอบสนามหลวง เพื่อร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้ว่าฝนจะตกหรือแดดออกก็ตาม เพื่อรอร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 26 ต.ค.60 ที่จะถึงนี้ คุณยาย อรสา คุณเรืองฤทธิ์ ได้เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานี และได้มานั่งรอเข้าคิวตั้งแต่เวลา 05.00 น. เพื่อจะได้เข้าไปยังจุดคัดกรอง ซึ่งคุณยายอรสาได้กล่าวถึงความรู้สึกว่า ตนเองมีความตั้งใจที่จะมาที่นี่ให้ได้ มีความรู้สึกปิติปลื้มใจที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสมาส่งเสด็จฯของพระองค์ท่าน ซึ่งจุดประสงค์อื่นใดไม่สำคัญ แต่สำคัญคือเราจะเข้าไปกราบพระบรมศพของพระองค์ที่แห่มาให้ได้ ขอแค่ให้ได้เห็น ขอให้ได้ชื่นชมตรงนั้น และคุณยายยังกล่าวเพิ่มเติมว่าไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อ เพราะมาด้วยความตั้งใจ และตั้งใจมานานมากแล้ว ส่วน คุณประนอม อิ่มรัก เป็นคนจังหวัดเพชรบูรณ์ เดินทางมาถึงบริเวณถนนราชดำเนินตั้งแต่เมื่อวาน เธอกล่าวว่าอาจจะไม่ได้เข้าไปข้างใน เพราะแค่มารอคิวที่จะวางดอกไม้จันทร์ ซึ่งจริงๆตนเองได้เคยเข้าไปกราบพระบรมศพฯภายในพระบรมมหาราชวังแล้ว เลยอยากให้คนอื่นได้มีโอกาสได้เข้าไปบ้าง เธอขอแค่มารอรับขบวนเสด็จฯ เพียงเท่านี้ก็เป็นบุญมากแล้ว เธอเผยว่าตั้งแต่วันที่ 19 ก็ไม่ได้คิดว่าจะมา พอมานั่งดูหน้าจอทีวีทุกวันๆ ก็คิดว่าไม่ไปไม่ได้แล้ว เราคงไม่อยู่บ้านแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องมีโอกาสเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้มาส่งเสด็จฯท่าน ซึ่งคิดว่าทุกคนที่มา ณ ที่นี่นั้นมาด้วยใจที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งนั้น คุณประนอมยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างน้อยๆก็ขอเป็นส่วนหนึ่งของคนทั้งประเทศที่อาจจะไม่ได้มีโอกาสน้อมใจกันมาส่งเสด็จพระองค์ฯท่านเป็นครั้งสุดท้าย ถึงแม้สุดท้ายแล้วจะเห็นหรือไม่ได้เห็นก็ขอให้ได้มาอยู่ ณ ตรงนี้ และนอกจากนี้เธอก็ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อที่ได้มานั่งรอ เพราะพระองค์ท่านเหนื่อยกว่าเรามาก พระองค์ฯยังไม่ท้อ แล้วเราจะท้อทำไม ซึ่งจริงๆแล้วถ้าใจเราพร้อม ร่างกายเราก็จะพร้อม นอกจากนี้เธอยังได้เผยว่า เธอเป็นคนเพรชบูรณ์ ท่านเคยเสด็จฯไปจังหวัดเพรชบูรณ์บ่อย ตอนเด็กๆเคยเดินเท้าไปรับเสด็จท่านฯ เกือบ 20 กิโล จึงมีความผูกพันธ์ตั้งแต่ตรงนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่เราเป็นเด็ก เลยรู้สึกว่าไม่ว่าจะขอจงรักภักดีต่อทุกๆ พระองค์ตลอดไป วรุณี ธุวดารา เช่นเดียวกับ คุณวรุณี ธุวดารา อายุ 58 ปี ที่เดินทางจากจังหวัดระยองเพื่อมาจับจองพื้นที่ด้านริมคลองคูเมืองเดิม ตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. คุณวรุณี กล่าวว่า ตั้งใจมาก เพื่อที่จะมารอ และอยากเป็นส่วนหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ต้องบอกว่าโอกาสแบบนี้คงไม่มีใครไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดแล้ว และเรามีโอกาสแล้ว ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในโอกาสนี้ ครึ้งเดียวในชีวิต ก็ทำใจเพื่อที่จะมาร่วมส่งพ่อหลวงของเราสู่สวรรค์ ส่วนการมาจับจองพื้นที่ก่อนล่วงหน้าเป็นเวลาสองวันนั้น แน่นอนว่าความสะดวกสบายต้องต่างกว่าการอยู่บ้าน แต่ก็ยังน้อยกว่าสิ่งที่พระองค์ท่านได้เคยทำเพื่อคนไทยมา ท่านผ่านความลำบากกว่าเรามาเยอะ การมาร่วมพิธีครั้งนี้จะเป็นความทรงจำที่ดีของชีวิตที่เอาไว้บอกต่อรุ่นลูกรุ่นหลานในเรื่องราวของในหลวง ร.9 ต่อๆ ไป คุณปุณณภา แบรดดี้ ด้าน คุณปุณณภา แบรดดี้ ได้เดินทางมาจากรังสิตเพียงคนเดียว มาถึงบริเวณแถวต่อคิวตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง (วันนี้ 24 ต.ค. 60) และนั่งรอเพื่อที่จะเข้าไปยังส่วนของจุดคัดกรองในเวลา 05.00 น. ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น (25 ต.ค. 60) โดยไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือท้อแต่อย่างใด คุณปุณณภายังเผยถึงความรู้สึกที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะได้เห็นริ้วขบวนอีกว่า รู้สึกดีใจมาก จนบอกออกเป็นคำพูดไม่ได้ และรู้สึกตื้นตันใจมาก ไม่ว่าจะนานสักเท่าไหร่ก็รอได้ และยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเธอจะปักหลักอยู่ที่บริเวณนี้ และจะกลับช่วงหลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเสร็จสิ้นลง ต่อมาเมื่อช่วงหัวค่ำวันเดียวกันบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ยาวไปจนถึงแยกคอกวัว และถนนราชดำเนินกลาง ประชาชนมาต่อแถวรอที่จะผ่านจุดคัดกรองพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพื่อที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ภายในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งจุดคัดกรองจะเปิดพร้อมกัน 9 จุดเวลา 05.00น.ของวันที่ 25 ตุลาคม ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ก็ไม่ทำให้ประชาชนย่อท้อ ต่างหยิบเสื้อกันฝน ร่ม มากันเปียกแต่ก็ไม่ยอมที่จะลุกหนีไปไหน