พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตผ่านครบ ๑ ปี หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน จัดทำหนังสือพิมพ์รายวันฉบับพิเศษ จำนวน ๑๒ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๘-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อร่วมแสดงความอาลัย ตอนที่ ๖ พระปัญญาธิคุณ ผลสำเร็จเพื่อมนุษยชาติ เป็นที่ประจักษ์แจ้งใจตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" ทรงมีพระปรีชาสามารถทั้งในศาสตร์และศิลป์ ตลอดจนเทคโนโลยี วิทยาการหลากแขนงโดยมิใช่แต่พระองค์จะเพียง "ทรงรอบรู้" เฉพาะเพียง "ทฤษฎี" เท่านั้น ทว่า ยังทรงเป็น "นักปฏิบัติ" คือ สามารถที่จะนำทฤษฎีนั้นมา "ปฏิบัติ" หรือ "ประดิษฐ์คิดค้น" ตลอดจน"พัฒนา" ขึ้นมาให้เห็นเป็นจริงได้ในเชิงรูปธรรมอย่างเยี่ยมยอด พระปรีชาสามารถของพระองค์ ใช่ว่าเฉพาะแต่ชาวไทยเราเท่านั้นที่ประจักษ์แจ้งใจ ทว่า แม้ในหมู่ชาวต่างประเทศ ตลอดถึงผู้นำ กระทั่งระดับ "ผู้เชี่ยวชาญ" ทั้งส่วนบุคคล และ "สถาบันองค์กร" ที่ได้รับรู้ รับทราบ ก็ประจักษ์แจ้งจิต ถึงขนาดยกย่องแซ่ซ้องจนกึกก้องเป็นประการต่างๆ ดังปรากฏทั้งในรูปของสรรพรางวัลในเวทีระดับโลก ที่พระองค์ทรงได้รับทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายราชสดุดีพระเกียรติคุณให้ขจรขจายไปทั่วทิศานุทิศ รวมถึงถ้อยแถลงที่สอดแทรกมากับการแสดงความอาลัยของบุคคลระดับชั้นนำทั้งหลาย ตามที่ได้นำมาประมวลดังนี้.... สันตะปาปา หรือโป๊ป ฟรานซิส ประมุขคริสตจักรแห่งนิกายโรมันคาทอลิก มีพระราชสาส์นแสดงความเทิดทูนว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ พระพละกำลัง ตลอดจนทรงเที่ยงธรรม ซึ่งได้กลายเป็นมรดกอันทรงคุณค่าอย่างอนันต์ ที่พระองค์พระราชทานมาให้แก่ปวงชนชาวไทยทั้งมวล สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นตรัสยกย่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า "ทรงเป็นพระเชษฐา (พี่ชาย) ที่แสนดีตลอดมา"สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ซึ่งดำรงตำแหน่ง สมเด็จพระจักรพรรดินีอัครมเหสี ในสมเด็จพระจักรพรรดิ อะกิฮิโตะ แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ทรงมีพระอักษรถึงสมาคมผู้สื่อข่าวประจำสำนักพระราชวังของญี่ปุ่น ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ดูแลพระองค์ตลอดมา ดุจดังพระเชษฐาของพระองค์เลยทีเดียว สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงมีพระอักษรข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กของพระองค์ว่า แด่พระมหากษัตริย์ผู้ยากหาใครเทียบเทียม ผู้ทรงมีสายพระเนตรอันกว้างไกล ผู้ทรงเป็นดั่งอัญมณีเลอค่าสูงสุด พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเสด็จสู่สรวงสวรรค์ ข้าพเจ้าขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดและสวดมนต์อ้อนวอนด้วยใจ ขอให้พระองค์ทรงอุบัติในฐานะธรรมราชาเสมอไปเพื่อประโยชน์สุขของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดีน วัดเดาละห์ สุลต่านแห่งบรูไนดารุสซาลาม ตรัสว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช "ทรงเป็นแบบอย่างของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่" ซึ่งอุทิศพระองค์เพื่อสวัสดิภาพของประชาชนและการพัฒนาประเทศ โดยการเสียสละและความรักอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ต่อปวงชน ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ตราตรึงในจิตใจของประชาชนชาวไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับการเคารพยกย่องไปทั่วโลก ทั้งนี้ ตลอดช่วง 70 ปีในรัชสมัยของพระองค์ ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรวด เร็ว พระองค์ผู้เปรียบได้กับ พระบิดาของชาวไทยจะไม่เพียงแต่อยู่ในหัวใจของผู้ที่ใกล้ชิดกับพระองค์เท่านั้น แต่จะทรงอยู่ในใจของผู้คนที่พระองค์ทรงได้เปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยและการอุทิศตนเพื่อปวงประชาของพระองค์ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรจะเป็นสิ่งที่จดจำตลอดไป พระราชกรณียกิจของพระองค์ เช่น นวัตกรรมทางการเกษตร การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การดูแลด้านสุขภาพ และการศึกษาได้สร้างประโยชน์ให้ประชาชนทั่วประเทศ นอกจากนี้ พระราชวิสัยทัศน์ของพระองค์ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ยังเป็นแรงบันดาลใจไปทั่วโลกสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีแนวคิดเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นหัวใจสำคัญ สมเด็จพระราชาธิบดี วิลเลิม-อเล็กซานเดอร์ แห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ได้มีพระราชดำรัสเทิดทูนพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะที่ทรงให้ความสำคัญต่อคุณค่าแห่งความสามัคคีและความร่วมมืออย่างสันติของประชาชนในชาติ สมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมเหม็ดที่ 6 แห่งโมร็อกโกตรัสยกย่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไว้ในพระราชสาส์นแสดงความอาลัย ความว่า แด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถ ที่อุทิศพระองค์ในอันที่จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งประเทศ และประชาชนของพระองค์ ด้วยการที่พระองค์ทรงงานหนัก และกอปรกับพระปัญญาธิคุณ ตลอดจนสายพระเนตรอันกว้างไกล ในการพัฒนา รวมถึงยังส่งผลให้บังเกิดความมีเสถียรภาพในราชอาณาจักรของพระองค์ นายบัน คี-มูน ผู้ดำรงตำแหน่ง "เลขาธิการสหประชาชาติ" หรือ "ยูเอ็น" ครั้งกระนั้นได้กล่าวยกย่องถวายเป็นราชสดุดีก่อนยืนสงบนิ่ง แสดงความอาลัยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นผู้นำให้ประชาชนคนในชาติมีน้ำใจเป็นหนึ่งเดียว โดยพระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจที่บรรดานานาชาติก็เป็นที่ประจักษ์ และถวายความเคารพต่อพระองค์เป็นอย่างสูง นายบารัก โอบามา ผู้ดำรงตำแหน่ง "ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา" ครั้งกระนั้น ได้ส่งสาส์น ความว่า ข้าพระพุทธเจ้ายังรำลึกถึงการได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้าฯ เมื่อคราวเยือนประเทศไทยในปี พ.ศ. 2555 ซึ่งข้าพระพุทธเจ้ายังรำลึกได้ถึงพระราชจริยวัตรอันงดงามและน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยความรักความเมตตาที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทย อีกทั้งยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ได้อาศัยใต้ร่มพระบารมีพระองค์ทรงงานหนักอย่างทรงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการพัฒนาบ้านเมือง ทรงอุทิศพระองค์ด้วยความแน่วแน่เพื่อยกมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยพระปรีชาสามารถด้านการริเริ่มสร้างสรรค์ตลอดจนทรงใฝ่พระทัยในนวัตกรรม พระองค์ได้ทรงคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเป็นที่ยกย่องไปทั่วโลก น้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยโดยเสมอมาจะเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ชนรุ่นหลังจักเทิดทูนสืบไป นายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้แสดงความอาลัยและยกย่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า พระองค์ทรงกระชับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นลึกซึ้ง และพระองค์ทรงเป็นองค์พระประมุขผู้มีพระปัญญาธิคุณ ความเข้มแข็งความอ่อนน้อมถ่อมตน และทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของพสกนิกรโดยแท้จริง อดีตประธานาธิบดีคลินตัน ยังระบุอีกว่า ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้เดินทางเยือนประเทศไทยในฐานะประธานาธิบดี ในปีที่ทรงฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เช่นเดียวกับ นางฮิลลารี คลินตัน ภริยา ที่ยังคงรู้สึกปลื้มปีติที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พร้อมประธานาธิบดีบารัก โอบามา ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งล่าสุดด้วย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งสาส์นความว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่นำชาติไทยไปสู่การพัฒนายั่งยืน และทรงให้ความสำคัญยิ่งในการสร้างสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างจีน-ไทย ทั้งนี้ การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงยิ่งของประชาชนชาวไทย และชาวจีน และพระองค์จะสถิตอยู่ในดวงใจของประชาชนสองชาติตลอดกาล นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ถวายการยกย่องต่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านสารแสดงความอาลัย ความว่า พระองค์ทรงเป็นหลักทางจิตใจของประชาชนโดยทรงมีบทบาทนำในการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วและยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรซึ่งนับเป็นความสำเร็จในประวัติศาสตร์ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ถวายเป็นพระราชสดุดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านสารแสดงความอาลัยความว่า พระองค์ทรงนำพาประเทศไทยด้วยความสง่างามด้วยการอุทิศพระองค์ ทรงงานหนัก ด้วยพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกลตลอดพระชนมชีพ ซึ่งจะทำให้พระองค์ได้รับการรำลึกถึงเป็นอย่างยิ่งตลอดกาล นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนีส่งสารแสดงความอาลัย พร้อมถวายการยกย่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า ตลอดเวลา 70 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงเป็นผู้นำความสมัยใหม่และเสถียรภาพมาสู่ประเทศไทย นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงมีพระวิริยอุตสาหะโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวไทย อันพสกนิกรของพระองค์และยังทรงสามารถนำรัฐนาวาประเทศผ่านมรสุมเลวร้ายด้านเศรษฐกิจและการเมืองมาได้สำเร็จ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำสหพันธรัฐรัสเซีย ส่งสาส์นแสดงความอาลัย พร้อมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาของการครองราชย์ของพระองค์ทรงชนะความรัก โดยได้รับความรัก ความจริงใจและความเคารพอย่างสูงทั้งจากในประเทศไทย ตลอดจน จากนานาประเทศ สำหรับรัสเซียเองก็เช่นกัน จะจดจำพระองค์ในฐานะของผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์รวมถึงมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างเราทั้งสองฝ่าย ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสออกแถลงการณ์แสดงความอาลัย พร้อมกับยกย่องพระองค์ความว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรำลึก เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ผู้ทรงเป็นมิตรของประเทศฝรั่งเศส ผู้ทรงมีดวงพระชะตาอันพิเศษสุด และทรงงานหนักตลอดพระชนม์ชีพเพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ความทันสมัย และความเจริญรุ่งเรือง คณะผู้นำระดับสูงของสหภาพยุโรป หรืออียู ประกอบด้วย นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป และฌองโคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ส่งสารแสดงความอาลัย พร้อมทั้งเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทยตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติได้มีพระราชกรณียกิจนานัปการ อาทิ โครงการพัฒนาชนบทซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาและพลิกฟื้นชีวิตของชาวไทยนับล้านคนในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะทรงสถิตอยู่ในหัวใจของประชาชนชาวไทยทุกคนและชาวยุโรปสืบไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอัจฉริยภาพด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน นายมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียส่งสารแสดงความอาลัย พร้อมทั้งยกย่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า พระองค์ทรงเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนของประชาชนชาวไทยและทรงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เอเชียยุคใหม่ ในขณะที่ทรงครองราชย์นั้นประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดในภูมิภาค และในสากลด้วยพระราชคุโณปการอันใหญ่หลวงในการพัฒนาประเทศของพระองค์ โดยพระวิริยะอุตสาหะของพระองค์ต่อประชาชนชาวไทยตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์เป็นที่ประจักษ์อย่างเด่นชัดผ่านพระราชกรณียกิจนานัปการ พระองค์ทรงยกระดับความเป็นอยู่และความสุขของประชาชนชาวไทยให้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ปวงชนต่างน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระราชไมตรีกับเครือรัฐออสเตรเลีย และเครือรัฐออสเตรเลียยกย่องสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งพระองค์ทรงให้การสนับสนุนด้วยดีตลอดมา นายจอห์น คีย์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวยกย่องเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และรัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยเติบโตและพัฒนา จนกลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือในอาเซียน ประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดู ผู้นำโปแลนด์ ส่งสาส์นแสดงความอาลัย พร้อมทั้งถวายเป็นพระราชสดุดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่าตลอดรัชสมัยการครองราชย์ของพระองค์กว่า 70 ปี ได้ทรงงานหนัก กอปรด้วยพระปรีชาสามารถ และพระปัญญาธิคุณของพระองค์ ยังผลประเทศไทย สามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรม จนถือเป็นประวัติศาสตร์ที่มิใช่แต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระดับภูมิภาคด้วย นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย นอกจากส่งสารแสดงความอาลัยและยังได้เดินทางมาถวายพวงมาลาเพื่อคารวะพระบรมศพแล้ว ผู้นำอินเดีย ยังได้กล่าวเทิดพระเกียรติต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า พระองค์นับเป็นผู้นำที่สูงที่สุดในยุคสมัยของพวกเรา อย่างยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบเทียม ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ได้ส่งสาส์นแสดงความอาลัย และเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อถวายพวงมาลาคารวะต่อพระบรมศพ พร้อมทั้งเทิดพระเกียรติต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างความดีงามต่อนานาอารยประเทศทั่วโลก นอกเหนือจากประชาชนชาวไทยและชาวฟิลิปปินส์แล้ว นอกจากนี้ ผู้นำฟิลิปปินส์ ยังระบุด้วยว่า ในชีวิตของตนหากจะให้คุกเข่าเพื่อแสดงความคารวะ ตนก็ยินดีที่จะคุกเข่าต่อพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เช่นเดียวกับที่ตนยินดีที่จะคุกเข่าให้แก่สุลต่านบรูไนองค์ปัจจุบัน นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ส่งสารแสดงความอาลัย และได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อถวายสักการะพระบรมศพ ตลอดจนเทิดพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครองสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดในโลก พระองค์ทรงเป็นที่เคารพรักเทิดทูนของพสกนิกรของพระองค์ จากการที่พระองค์ได้ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อประเทศชาติ และพสกนิกรชาวไทย จะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประสานเสียงของเหล่าบรรดาสื่อมวลชนในสิงคโปร์ที่แซ่ซ้องต้องกันว่า การสูญเสียผู้นำที่ดี อย่างองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ประเทศชาติต้องสั่นคลอน เพราะบุคคลไม่สามารถอยู่ได้ตลอดกาล แต่ความดีที่ทำไว้จะคงอยู่ตลอดไปทุกคนจึงควรเรียนรู้จากผู้นำที่ดีให้ได้มากที่สุดและนำความดีนั้นมาพร่ำเตือนตนเองว่าจะต้องทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองต่อไป ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย นอกจากได้ส่งสาส์นเพื่อแสดงความอาลัย และเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อถวายสักการะต่อพระบรมศพแล้ว ก็ยังได้มีข้อความถวายพระเกียรติต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยระบุว่า ณ ขณะนี้โลกของเราโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนได้สูญเสียผู้นำคนสำคัญ ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพรักของประชาชนพระองค์ทรงเป็นผู้นำที่ใกล้ชิดกับประชาชน ทรงปฏิรูปสร้างสันติภาพ และความเป็นหนึ่งเดียว ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประชาชน และกับประเทศไทย พันเอก บุนยัง วอละจิด ประธานประเทศลาว ส่งสารแสดงความอาลัย และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรม และทรงเสียสละอย่างใหญ่หลวง ผู้อุทิศตนให้แก่ประเทศและประชาชนตลอด 70 ปีในรัชสมัยของพระองค์ และทรงได้รับความเคารพศรัทธาอย่างยิ่งจากปวงชนชาวไทย ทรงมีบทบาทอย่างสำคัญในการปรับปรุงและกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กับราชอาณาจักรไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การสวรรคตจึงเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของชาวไทยและเป็นการสูญเสียองค์ผู้ทรงเป็นมิตรของชาวลาว นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ส่งสารแสดงความอาลัย และยังได้เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ ตลอดจนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า การสูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ใช่เพียงรู้สึกได้แต่เฉพาะประชาชนชาวไทยเท่านั้น แต่พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ยังมีพระราชประสงค์สานความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นระหว่างมาเลเซียกับไทย นอกเหนือจากที่มีพระราชประสงค์ให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแต่สันติและความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น รัฐบาลติมอร์ - เลสเต ได้ออกแถลงการณ์ส่งสารแสดงความอาลัย พร้อมกันนั้นางอิซาเบล ดา กอสตาเฟร์เรรา ภริยาประธานาธิบดีแห่งติมอร์-เลสเต ได้เดินทางไปลงนามแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยมีนางสาวพัชนีกิจถาวร เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี ให้การต้อนรับ ซึ่งนางเฟร์เรราได้กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ทรงครองราชย์กว่าเจ็ดสิบปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงมอบมรดกแห่งสันติภาพ ประชาธิปไตย ความมั่นคงความเป็นเอกภาพ และความอดกลั้น ให้แก่ประชาชน ชาวไทยซึ่งจะจงรักภักดีและเทิดทูนพระองค์ท่านตลอดกาลนาน ซึ่งทุกคนจะรำลึกถึงพระองค์ท่านด้วยความรักและความชื่นชมตลอดไป ประธานาธิบดีนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ได้ส่งสาส์นแสดงความอาลัย และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญในการสถาปนาและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับคาซัคสถาน ประธานาธิบดีอัลมาซเบค อาตัมบาเยฟ แห่งคีร์กีซสถาน ส่งสารสาส์นแสดงความอาลัยและยกย่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า พระองค์จะยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของพวกเรา ด้วยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยม ในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองประชาชน และทรงเป็นผู้ที่พัฒนาอย่างยั่งยืนต่อประเทศไทย ผ่านโครงการพระราชดำริ และโครงการที่เชื่อมโยงกับพระนามของพระองค์ต่างๆ ประธานาธิบดีอับดุลลา ยามีน แห่งมัลดีฟส์ ส่งสาส์นแสดงความอาลัย และเทิดพระเกียรติต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า พระองค์จะทรงสถิตอยู่ในความทรงจำอยู่เสมอ ในฐานะองค์พระประมุขผู้ทรงมีวิสัยทัศน์ สายพระเนตรอันกว้างไกล ในการพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ต่อการทำการเกษตร รวมถึงมีการอนุรักษ์แหล่งน้ำ ด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามโครงการพระราชดำริต่างๆ นายปีเตอร์ โอนีล นายกรัฐมนตรีแห่งปาปัวนิวกินีส่งสารแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกับเทิดพระเกียรติพระองค์ ความว่า ตลอดรัชสมัยที่ยาวนานหลายทศวรรษของพระองค์ทรงได้รับการยกย่องด้วยความภาคภูมิใจไปทั่วโลกว่า ทรงเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย และมรดกอันล้ำค่าของไทย นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นผู้นำประชาชนชาวไทยในการสร้างสันติภาพและความสมัครสมานกลมเกลียว มีน้ำใจเป็นหนึ่งเดียวแก่ประชาชนคนในชาติของพระองค์ด้วย ประธานาธิบดีจาค็อบ ซูมา ผู้นำประเทศแอฟริกาใต้ส่งสาส์นแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้งเทิดพระเกียรติพระองค์ว่า ประดุจหนึ่งดั่งบิดาของไทย ในการนำพาประเทศสู่ความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันและสร้างสรรค์เสถียรภาพให้บังเกิดขึ้นแก่ผู้คนในชาติ ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติเป็นระยะยาวนานถึง 70 ปี นอกจากนี้ พระองค์ยังได้รับการยกย่องว่า เป็นสมมติเทพ หรือเทวราชา ที่มีความใกล้ชิดต่อประชาชน จากการที่พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนตลอดรัชสมัยของพระองค์ รัฐบาลบังกลาเทศ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ชีค ฮาสินา ได้แสดงความอาลัย พร้อมทั้งเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชความว่า พระองค์ทรงเป็นที่เคารพบูชาของชาวบังกลาเทศด้วยในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี และการอุทิศพระองค์ ตลอดจนทรงงานเพื่อมนุษยธรรม สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ออกแถลงการณ์แสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและเทิดพระเกียรติพระองค์ ความว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก โดยตลอดรัชสมัย พระองค์ทรงดูแลพสกนิกรและราชอาณาจักรไทยอย่างดียิ่ง รวมถึงทรงมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสันติภาพและการพัฒนาต่อภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนระหว่างประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งพระราชกรณียกิจต่างๆของพระองค์ล้วนได้รับการถูกยกย่องอย่างยิ่งใหญ่ และคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนอย่างไม่รู้ลืม กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ ร่วมแสดงความอาลัยต่อการสวรรคต พร้อมทั้งเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการออกแถลงการณ์ ความว่า พระองค์ทรงเป็นที่รักของประชาชนและได้ทรงอุทิศพระวรกายและพระราชหฤทัย เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศอย่างไม่ทรงเหน็ดเหนื่อยย่อท้อ นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศมาโดยตลอด ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี โดยการนำของประธานธนาคารนายทาเกฮิโกะ นากาโอะ ส่งสารแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และยกย่องพระองค์ว่า ตลอดรัชสมัยอันยาวนานของพระองค์ได้แสดงออกให้เห็นแล้วว่าทรงเป็นผู้อุทิศพระองค์อย่างเข้มแข็ง สำหรับการทำงานอย่างหนักและไม่รู้เหน็ดเหนื่อยในพระวรกาย ต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตพสกนิกรของพระองค์ และเพื่อให้เกิดการพัฒนา ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองให้บังเกิดต่อประเทศไทย ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ข้างต้น จะได้รับการจดจำไปถึงอนุชนรุ่นหลังๆ ต่อไปด้วย คณะสงฆ์ในพระพุทธศาสนาแห่งประเทศศรีลังกาส่งสาส์นแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมเทิดพระเกียรติพระองค์ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกที่สำคัญของพระพุทธศาสนาทั้งในประเทศไทย และศรีลังกา ดังนั้น การสวรรคตของพระองค์ จึงถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ต่อวงการพระพุทธศาสนาโดยส่วนรวมทั่วโลก องค์ดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณชาวทิเบต ส่งสาส์นแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมยกย่องพระองค์ด้วยว่า ทรงเป็นผู้นำพาประเทศชาติไปสู่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและจิตวิญญาณ ด้วยพระราชกรณียกิจต่างๆ โดยพระองค์ไม่ทรงรู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อนำไปสู่สันติภาพและการพัฒนาดังกล่าว กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟออกแถลงการณ์แสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกับถวายพระเกียรติแด่พระองค์ ความว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นผู้นำในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แหล่งธรรมชาติของบรรดาสัตว์ป่า สัตว์น้ำ และมหาสมุทร ตลอดจนป่าไม้ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ช้าง ผ่านกระบวนการพิทักษ์ปกป้องในรูปของอุทยานแห่งชาติที่มีหลายแห่งในประเทศไทย สภามวยโลก หรือดับเบิลยูบีซี ออกแถลงการณ์แสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเทิดพระเกียรติพระองค์ความว่า พระองค์ทรงมีคุณูปการต่อวงการมวยโลก จากการที่พระองค์มีพระบรมราชูปถัมภ์ต่อวงการมวย ทั้งมวยสากลและมวยไทย อย่างสืบเนื่องเสมอมา จนกล่าวได้ว่ารัชสมัยของพระองค์ถือเป็น "ยุคทองแห่งวงการมวย" ยิ่งกว่ายุคใดเท่าที่เคยมีมา นอกจากพระราชสาส์น และสาร ตลอดจนแถลงการณ์ที่ถวายการแซ่ซ้องต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแล้ว ก็ยังมีรางวัล และมติเทิดพระเกียรติต่างๆที่บรรดาหน่วยงาน สถาบัน และองค์การระหว่างประเทศทั่วโลก ถวายแด่พระองค์ ทั้งในช่วงพระองค์ ยังทรงมีพระชนม์ชีพ และสวรรคตไปแล้ว โดยจะนำมาประมวลดังนี้ สมาชิกกิตติมศักดิ์และประกาศนียบัตรของสถาบันการดนตรีและศิลปะ แห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียโดยพระองค์ได้รับทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2507 จากการที่พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการทรงดนตรี ซึ่งพระองค์ยังถือเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับเกียรติยศนี้ ราชสมาคมถ่ายภาพแห่งสหราชอาณาจักร (The Royal Photographic Society of Great Britain) ได้กราบบังคมทูลเชิญให้ดำรงตำแหน่งราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์(Honorary Fellow) เมื่อปี พ.ศ.2514 และสหพันธ์ศิลปะการถ่ายภาพนานาชาติ (Fediration International de l'Art Photographique) ได้ขอพระราชทานทูลเกล้าฯถวายเกียรติบัตรสูงสุด (Honorary Excellent FIAP) จากพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพของพระองค์ ที่มิใช่เพียงทรงบันทึกภาพธรรมดาๆ แต่ยังเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนของพระองค์ สำหรับการที่พระองค์ทรงใช้ภาพถ่ายเป็นหลักฐานในการแก้ปัญหา และพัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ เหรียญรัฐสภายุโรป กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 เหรียญทองเฉลิมพระเกียรติคุณแห่งสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชผู้ทรงพระปรีชาสามารถเลิศล้ำในการนำชนบทให้วัฒนาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2530 ทั้งนี้ เหรียญรางวัลดังกล่าวยังถือเป็นเหรียญแรกของโลกอีกด้วย เหรียญสดุดีพระเกียรติคุณขององค์กรโรตารีสากลรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2534 เหรียญฟีแล ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2534 เหรียญสดุดีพระเกียรติคุณของโครงการสิ่งแวดล้อม แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นอีพี กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันที่4 พฤศจิกายน พ.ศ.2535 เหรียญทองสาธารณสุขเพื่อมวลชนขององค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2535 เหรียญรางวัลนาตูราโปรฟูตูลา ของสมาคมนิเวศวิทยาทางเคมีระหว่างประเทศ รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อวันที่26 มกราคม พ.ศ.2536 รางวัลนานาชาติสดุดีพระเกียรติคุณ ของสมาคมควบคุมการกัดเซาะผิวดินระหว่างประเทศ รัฐโคโลราโดประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2536 รางวัลรากหญ้าแฝกชุบสำริดของธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่30 ตุลาคม พ.ศ.2536 เหรียญรางวัลสดุดีพระเกียรติคุณ ของโครงการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2537 เหรียญแอกริโคลา ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ กรุงโรม ประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2538 เหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ ของสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ เมืองลากูนา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนพ.ศ.2539 เหรียญทองสดุดีพระเกียรติคุณ ขององค์การสภาการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนนานาชาติ กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2540 รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนหรือรางวัลซีไรต์เมื่อวันที่8กรกฎาคมพ.ศ.2540 เหรียญเทเลฟู้ดขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2542 โดยรางวัลนี้เป็นผลสืบเนื่องจากพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ ในอันที่จะทำให้เกิดการยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยและสร้างความมั่นคงทางอาหารเป็นอเนกประการ เหรียญแซนฟอร์ดของคณะกรรมการดนตรีแห่งมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2543 เฉลิมพระเกียรติคุณของพระองค์ในด้านการเป็นผู้นำทางวัฒนธรรม และทรงมีพระอัจฉริยภาพทางดนตรี ถ้วยรางวัลลาลาอูนิส จากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี นครโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2543 จากพระปรีชาสามารถด้านกีฬา และพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการกีฬาไทยและระหว่างประเทศ ของพระองค์ รางวัลสดุดีพระเกียรติคุณ เหรียญ และถ้วยรางวัลสิ่งประดิษฐ์ของสมาคมนักประดิษฐ์ องค์กรบรัสเซลส์ยูเรกา แห่งประเทศเบลเยียม ด้วยผลงานอันทรงพระปรีชาสามารถ และพระอัจฉริยภาพด้านการประดิษฐ์ในสิ่งประดิษฐ์ ตลอดจนการพัฒนาต่างๆ รวมแล้ว 10 รางวัล เช่นกังหันน้ำชัยพัฒนา การวิจัยเรื่องพลังงานไบโอดีเซลด้วยการสกัดจากปาล์มน้ำมัน การวิจัยทฤษฎีใหม่ และการทำฝนเทียม รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ของยูเอ็นดีพี โดยนายโคฟี อันนัน เลขาธิการแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็น ทูลเกล้าฯถวายเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 ซึ่งถือเป็นรางวัลแรกของโลก รางวัลสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณจากรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร่วมกับองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก นครเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์จากผลงานการวิจัยทำฝนเทียม และพัฒนาดัดแปลงสภาพอากาศ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2550 รางวัลรวงข้าวทองคำ จากสมาคมสินเชื่อเกษตรและชนบทภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก จากผลงานด้านการพัฒนาชนบทที่เน้นความมั่นคงอย่างยั่งยืน และพระบรมราโชบายให้ปลูกข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2548 ประกาศนียบัตร นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรมของสมาพันธ์สมาคมวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ หรือไอยูเอสเอส พร้อมกันนี้ ทางองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ ได้ขอพระบรมราชานุญาตให้วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมของทุกปี เป็น"วันดินโลก (World Soil Day)" นอกจากนี้ ยังมีการประกาศเกียรติคุณเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในแนวพระราชดำริต่างๆ เช่น หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน เป็นต้น โดยหลักปรัชญานี้ ถึงขนาดที่ทาง"สหประชาชาติ" หรือ "ยูเอ็น" ครั้งที่อยู่ภายใต้การนำของเลขาธิการ "โคฟี อันนัน" น้อมรับให้เป็นหนึ่งใน "ทฤษฎีโลก" นอกเหนือจากทูลเกล้าฯ ถวายให้เป็น "รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์" ของ "โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ" หรือ "ยูเอ็นดีพี" เมื่อปี พ.ศ.2549 แล้ว ใช่แต่เท่านั้น ยังมีการถวายราชสดุดีจากบรรดาองค์การระหว่างประเทศ หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้แก่ สหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศราชสดุดีและถวายพระเกียรติคุณแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการยกย่องพระองค์ ให้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และทรงเป็นต้นแบบของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในระหว่างที่มีการประชุมสุดยอด สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นจีเอ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2559 โดยประธานสมัชชาสหประชาชาติจะเริ่มกล่าวราชสดุดีเป็นคนแรก และจะเปิดให้ผู้แทนภูมิภาคต่างๆ ขึ้นกล่าวราชสดุดีซึ่งลักษณาการเยี่ยงนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่มีขึ้นไม่บ่อยนักบนเวทีการประชุมสุดยอดของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้จัดวาระพิเศษขึ้นเพื่อกล่าวถวายราชสดุดีและแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติคุณด้วยการถวายราชสักการะในเวทีนานาชาติในระหว่างการประชุมว่าด้วยสันติภาพ ที่มีขึ้นเมื่อวันที่26 - 28 กันยายนที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ของยูเนสโกกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส โดยนางอิรินา โบโกวา ผอ.ยูเนสโก ขึ้นกล่าวราชสดุดีได้กล่าวสรรเสริญในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า ทรงวางรากฐานของการพัฒนามาตลอดพระชนมชีพ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง โดยมีหลักปฏิบัติที่เน้นประชาชนเป็นสำคัญทรงนำเอาวิสัยทัศน์ อันกว้างไกลมาปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง นางโบโกวา ยังกล่าวด้วยว่า แนวความคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ถือว่าเป็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของในหลวงรัชกาลที่ 9 และผลของการนำไปปฏิบัติ ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่ใช่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ส่งผลในเชิงบวกไปทั่วโลก ผอ.ยูเนสโก ยังกล่าวอีกว่า นอกจากทรงสร้างประวัติศาสตร์ของศตวรรษที่ 20 ไว้แล้ว วิสัยทัศน์ของพระองค์ท่าน หรือที่ดิฉันเรียกว่า "ความชาญฉลาด" ได้สร้างประวัติศาสตร์ของศตวรรษที่ 21 ในเวลาต่อมา และผลงานที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นการยืนยันว่า การพัฒนาประเทศไทยในอนาคตถึงความสำคัญของความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การศึกษาระดับสูง กลายมาเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนาของระบบเศรษฐกิจในระดับโลก ที่จะผลักดันโดยนวัตกรรม ความรู้ การวิจัย ซึ่งวิสัยทัศน์ระดับยุทธศาสตร์เหล่านี้ ไม่อาจแยกจากกันได้กับความมุ่งมั่นที่ฝัง ลึกของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล และประชาธิปไตย มาโดยตลอด นอกจาก นางโบโกวาแล้ว ก็ยังมี นายไมเคิล ว็อปประธานกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก ตัวแทนถาวรประจำยูเนสโกจากนานาประเทศ ตัวแทนผู้นำพระพุทธศาสนาจากประเทศต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลี และประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.)เข้าร่วมกล่าวราชสดุดีด้วย ก่อนที่ช่วงบ่ายเป็นการสัมมนาว่า "ทำไม ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นที่รักของประชาราษฎร์" พร้อมกับจัดสัมมนาเชิงวิชาการเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ในหัวข้อ การสร้างสังคมแห่งสันติภาพที่ยั่งยืน-มรดกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนทัศน์การพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีหัวข้อการนำเสนอมุมมองจากนักวิชาการนานาชาติจากหลากหลายมิติ อาทิ ศาสตราจารย์สตีเฟน บี. ยัง เป็นต้น ขณะที่ บรรดาองค์กร และหน่วยงานอื่นๆ ก็ได้จัดกิจกรรมเพื่อถวายราชสดุดีเทิดพระเกียรติต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชหลังการสวรรคตได้แก่ วัดเส้าหลิน นครเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือจีนแผ่นดินใหญ่ ได้จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นำโดยท่านซื่อหย่งซิ้น เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน และมี พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ดร.ธีรวัฒน์วงศ์วรทัต ตลอดจนคณะผู้แทนประเทศไทย พร้อมด้วยพระสงฆ์เครือข่ายวัดเส้าหลิน ทั่วประเทศจีน รวมกว่า600รูปเข้าร่วม ซึ่งเป็นครั้งประวัติศาสตร์ และครั้งแรกของวัดเส้าหลิน ที่จัดกิจกรรมในลักษณะนี้ ส่วนที่ สนามกีฬากลาง เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเช่นกัน ทางพระอาจารย์จีนวิเทศศาสนานุสิฐ (พระธรรมาจารย์ อิ้งซุ่น) เจ้าอาวาสวัดหงฝาซื่อ ในเมืองเซินเจิ้น พร้อมด้วย พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นประธานนำคณะสงฆ์นานาชาติกว่า 14 ประเทศ อาทิ ไทยจีน ออสเตรเลีย ทิเบต กัมพูชา ลาว ศรีลังกา ไต้หวัน ญี่ปุ่นเกาหลี และจีน จำนวนกว่า 35,000 รูป ประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วัดพระพุทธศาสนานิกายเนนบุตซึซุ ในประเทศญี่ปุ่นจัดพิธีสวดมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นำโดยพระ ดร.คิวเสะเอ็นซินโจะ ที่ปรึกษาสูงสุดของผู้นำสุดยอดแห่งพุทธศาสนิกชน สภาการประชุมสุดยอดชาวพุทธโลก และผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนานิกายเนนบุตซึซุ แห่งประเทศญี่ปุ่นพร้อมด้วยคณะสงฆ์เนนบุตซึซุ ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตามควรแก่พระสุคติวิสัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ หอประชุมมหาสัณฐาคารแห่งพระพุทธศาสนา พร้อมกันนี้ ทางพระภิกษุสงฆ์ ภิกษุณีสงฆ์ คณะอุบาสกและอุบาสิกาจำนวนมากจากทั่วประเทศญี่ปุ่นได้ไปประชุมเพื่อร่วมกันประกอบพิธีอันยิ่งใหญ่ในการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ที่สุดกิจกรรมแสดงความอาลัย และเทิดพระเกียรติเป็นพระราชสดุดีที่ "จัตุรัสภูมิพล" ณ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นเมืองพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระองค์มีพระประสูติกาล ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดังกล่าว และนำพระนามของพระองค์ไปตั้งเป็นชื่อของจัตุรัส ได้จัดกิจกรรมเป็นประการต่างๆ แม้กระทั่งโรงพยาบาลที่พระองค์มีพระประสูติกาล ก็ได้ลดธงชาติครึ่งเสา เพื่อร่วมไว้อาลัย ส่วนที่"จัตุรัสภูมิพลอดุลยเดช" ได้มีประชาชนมาร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง รวมทั้งนายเจบ บุช อดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดาและเป็นบุตรชายของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช ผู้พ่อและน้องชายของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ก็ยังเข้าร่วมกิจกรรม โดยได้คุกเข่าและพนมมือถวายสักการะด้วยความเคารพยิ่ง จนสร้างความปีติให้แก่ผู้พบเห็น "พระองค์ทรงงานหนักอย่างทรงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการพัฒนาบ้านเมือง ทรงอุทิศพระองค์ด้วยความแน่วแน่เพื่อยกมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยพระปรีชาสามารถด้านการริเริ่มสร้างสรรค์ตลอดจนทรงใฝ่พระทัยในนวัตกรรม" "ในขณะที่ทรงครองราชย์นั้นประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดในภูมิภาคและในสากลด้วยพระราชคุโณปการอันใหญ่หลวงในการพัฒนาประเทศของพระองค์" "ในชีวิตของตนหากจะให้คุกเข่าเพื่อแสดงความคารวะตนก็ยินดีที่จะคุกเข่าต่อพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเช่นเดียวกับที่ตนยินดีที่จะคุกเข่าให้แก่สุลต่านบรูไนองค์ปัจจุบัน" "พระองค์ยังทรงเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ช้าง ผ่านกระบวนการพิทักษ์ปกป้องในรูปของอุทยานแห่งชาติที่มีหลายแห่งในประเทศไทย" "สหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศราชสดุดีและถวายพระเกียรติคุณแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยการยกย่องพระองค์ ให้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และทรงเป็นต้นแบบของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ตอนที่ ๗ พระเมรุมาศ ผลึกภูมิปัญญามรดกศิลปะไทย ติดตามวันพรุ่งนี้... Download:: สยามรัฐรายวันฉบับพิเศษ ตอนที่ ๖ พระปัญญาธิคุณ ผลสำเร็จเพื่อมนุษยชาติ