เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม กองอำนวยการร่วมพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (กอร.พระราชพิธีฯ) ครั้งสุดท้ายภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีฯ โดยมี ผู้แทนเหล่าทัพ ส่วนราชการ ตลอดจนถึงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยพล.อ.ประวิตร แถลงภายหลังการประชุม ว่า ทุกอย่างมีความเรียบร้อยดี และมีความปลอดภัย เพราะได้รับความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน รวมทั้งการสร้างความรับรู้ของกรมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบว่าพื้นที่อยู่ พื้นที่กิน อยู่ตรงไหน พื้นที่ขบวนเสด็จผ่านเส้นทางใด จนทำให้ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง ทุกอย่างจึงเรียบร้อย ขณะที่ตัวเลขประชาชนที่เข้าร่วมพระราชพิธีทั้งหมด ประมาณ2 แสนกว่าคน ส่วนพื้นที่ชั้นในพระราชพิธี ประมาณ150,000 คน และพื้นที่ชั้นนอก80,000 คน ส่วนพื้นที่วางจิตกาธาน วางดอกไม้จันทน์ตามต่างจังหวัดที่พบว่ามีบางพื้นที่ไม่วางแผนงานไม่เป็นระบบ และไม่เหมาะสมน้ัน ตนคิดว่าเกิดขึ้นบางพื้นที่ ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยพยายามแก้ไขหน้างานอยู่แล้ว โดยเปิดการวางดอดไม้จันทน์ อย่างเช่น บริเวณพุทธมณฑลนั้น พบว่าประชาชนรอคิวนาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เราก็พยายามแก้ไขปัญหาให้วางได้หลายจุด พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับกาคเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศนั้น ทางกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรม มหาราชวัง (กอร.รส.) กองทัพภาคที่1 เป็นผู้ดูแลหลัก เพราะกอร.ร่วมพระราชพิธีปิดศูนย์ในวันนี้ โดยจากนี้ไปจะใช้เจ้าหน้าที่จิตอาสา มาช่วยเหลือประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศหรือไม่นั้น ตนคิดว่าทุกคนตั้งใจมาช่วยพระราชพิธีนี้ อีกทั้งกรณีนี้เป็นงานเฉพาะกิจ ซึ่งต่อไปคงจะใช้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ส่วนการเปิดพระเมรุมาศให้ประชาชนเข้าชมนั้นจะเปิดตั้งแต่วันที่2-30 พฤศจิกายน แต่จะขยายเวลาออกไปหรือไม่นั้น เราจะต้องประเมินสถานการณ์ และดูจำนวนคนก่อน อย่าเพิ่งไปคาดการณ์ล่วงหน้า “อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปเราจะสรุปบทเรียนทุกงานของงานพระราชพิธีฯ โดยจัดทำเป็นหนังสือ เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ต่อไป พร้อมทั้งผมขอขอบคุณทุกหน่วยงานทั่วประเทศที่เข้ามาช่วยกันทั้งทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของกระทรวงมหาดไทย” พล.อ.ประวิตร กล่าว ด้านพล.ท.คงชีพ คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สรุปการอำนวยการงานที่สำคัญด้านต่างๆ ทั้งในพื้นที่ กทม.และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1-30 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทั้งด้านการถวายความปลอดภัย การดูแลความปลอดภัยสถานที่และรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ การอำนวยความสะดวกการจราจร การบริการด้านอื่นๆ เช่น การขนส่ง การแพทย์ ด้านอาหาร เครื่องดื่มและสุขา รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ ซึ่งในภาพรวมการควบคุม อำนวยการและการกำกับดูแล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในภาพรวม มีประชาชน เดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีในพื้นที่ชั้นใน รอบบริเวณพระบรมมหาราชวังและมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เมื่อ 25 - 26 ตุลาคม รวมประมาณ 230,000 คน และประชาชนร่วมรับเสด็จฯ ในพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ เมื่อ 27 ตุลาคม ประมาณ 24,000 คน. สำหรับพื้นที่จัดสร้างพระเมรุมาศจำลองและจุดวางดอกไม้จันทน์ มีประชาชนมาร่วมวางดอกไม้จันทน์ใน กทม.จำนวนประมาณ 3,300,000 คน และต่างจังหวัด จำนวนประมาณ 16,170,000 คน “ทางพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ คณะกรรมการอำนวยการและเจ้าหน้าที่ทุกคนจากทุกส่วนราชการทั่วประเทศ ที่ได้ทุ่มเท ตั้งใจทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง 24 ชม.ตลอดเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเป็นการทำงานด้วยหัวใจของความจงรักภักดีร่วมกัน เพื่อให้งานพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งนี้ สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล ด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติสูงสุด พร้อมกับขอให้นำปัญหาและการดำเนินงานที่ผ่านมา สรุปเป็นบทเรียนการทำงานร่วมกัน เพื่อบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของหน่วยงานต่อไป พร้อมกันนี้ยังขอขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคนทั่วประเทศ ที่มีนำ้ใจและพยายามเข้าใจ ให้ความร่วมมือกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ร่วมกันเตรียมงานและอำนวยการงานพระราชพิธีนี้ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ด้วยความมีหัวใจเดียวกัน ก็ได้ร่วมกันคลี่คลายแก้ไขด้วยความเข้าใจร่วมกันด้วยดี “พล.ท.คงชีพ กล่าว พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่า การทำงานของ กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ ศาลาว่าการกลาโหม ถือว่าสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล และจะส่งมอบพื้นที่ให้กับกองทัพภาคที่ 1 โดย กอร.รส. ทภ.1 ตั้งแต่ 30 ตุลาคม เป็นต้นไป เพื่อเตรียมพื้นที่ สำหรับดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกประชาชน ที่จะเปิดให้เข้าชมพระเมรุมาศและนิทรรศการ ต้ังแต่ 2 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ตลอดเดือน