ได้ฤกษ์ เบิกม่าน กันแล้ว สำหรับการเดินทางเยือนประเทศต่างๆ ใน “ภูมิภาคเอเชีย” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โดยการเดินทางในครั้งนี้ ถือเป็น “ครั้งแรก” ของนายทรัมป์ นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว ในฐานะประธานาธิบดีของประเทศเมื่อ 9 เดือนก่อน ตามกำหนดการของทางทำเนียบขาว ก็ระบุว่า ประธานาธิบดีจอมสร้างสีสันรายนี้ ก็จะเยือน 5 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีนแผ่นดินใหญ่ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ ระหว่างวันศุกร์ที่ 3 ไปจนถึงวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน โดยจะเปิดประเดิมกันด้วยการแวะเยี่ยมเยียนรัฐฮาวาย กันก่อน ซึ่งในระหว่างนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็จะเยี่ยมปลอบขวัญลูกนาวีที่ฐานทัพเรือ “เพิร์ลฮาร์เบอร์” ซึ่งเคยตกเป็นเป้าหมายโจมตีของกองทัพญี่ปุ่น ลูกบูชิโด จนพังพินาศมาแล้ว เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่ามกลางการจับจ้องมองอย่างไม่กระพริบตา ทั้งจากนานาประเทศคู่แข่ง อย่างรัสเซีย และจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของทริปนี้ด้วย รวมถึงบรรดานักวิเคราะห์ ที่เพ่งมองการเคลื่อนไหวแบบแทบจะทุกฝีก้าวของประธานาธิบดีทรัมป์ ตลอดจนการหารือกับผู้นำประเทศ ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ มีกำหนดการพบปะและหารือ ซึ่งตามการเปิดเผยของทางทำเนียบขาว ก็ระบุว่า นายทรัมป์มีกำหนดการหารือแบบ “ทวิภาคี” กับเหล่าผู้นำของแต่ละประเทศ ตามจุดหมายที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยือน อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ได้แสดงทรรศนะว่า การมายังเอเชียของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งแรกเปิดประเดิมนี้ นอกจากเพื่อพยุงรักษาและรื้อฟื้นอิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคแห่งนี้ หลังถูกพญามังกรจีนแผ่นดินใหญ่ แผ่เขี้ยวเล็บตลอดช่วงไม่กี่ขวบปีที่ผ่านมานี้ จนมีอิทธิพลเป็นคู่แข่งสำคัญต่อสหรัฐฯ เองแล้ว ก็ยังเป็นปฏิบัติการ โน้มน้าวให้เหล่าชาติเอเชียที่นายทรัมป์ไปย่ำเท้าหนนี้ ร่วมมือกับสหรัฐฯ ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ในอันที่จะร่วมกันกดดันต่อเกาหลีเหนือ ให้ยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ ที่รัฐบาลเปียงยางของนายคิม จอ-อึน ผู้นำสูงสุด ทดลองสมรรถนะประสิทธิภาพกันอยู่เป็นระยะๆ นอกจากนี้ ก็ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียอีกต่างหากด้วย ในส่วนของรายละเอียดกำหนดการเดินทาง ทางทำเนียบขาว ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัม์ หลังแวะพักฮาวาย ก็จะเปิดประเดิมที่ “ญี่ปุ่น” เป็นประเทศแรก ในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน โดยจะพบปะกับนายกรัฐมนตรีอาเบะ พร้อมกับหารือเรื่องปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากเกาหลีเหนือเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งญี่ปุ่นที่ผ่านมา ก็ถูกเกาหลีเหนือ “ลูบคม” มาหลายครั้ง จากการทดลองยิงขีปนาวุธ “ข้ามหัว” พาดผ่านเกาะฮอกไกโด จนผู้คนชาวปลาดิบต่างพากันตื่นระทึกด้วยความตระหนกตกใจกันมาแล้ว อย่างไก็ดี บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า ระหว่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ย่ำอยู่บนแดนซามูไร คงได้มีคำถาม ต่อกรณีที่เขา ประกาศล้มคว่ำ “ความตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก” หรือ “ทีพีพี” ให้ต้องรำคาใจในการตอบคำถามจากบรรดาสื่อมวลชนในแดนปลาดิบเป็นแน่ หลังจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็จะเยี่ยมเยือน “เกาหลีใต้” ถิ่น “โสมขาว” เป็นทริปถัดไป ซึ่งก็มีกำหนดการหารือเรื่องภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำโสมขาว ก่อนขึ้นกล่าวปราศรัยในที่ประชุมสภากังโฮ หรือรัฐสภาของเกาหลีใต้ ณ กรุงโซล ต่อด้วยบินข้ามมายังกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อมาพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก่อนหารือเรื่องที่จะกระตุ้นเตือนต่อรัฐบาลปักกิ่ง เพิ่มความร่วมมือในอันที่จะกดดันต่อรัฐบาลเปียงยาง จากกรณีวิกฤตินิวเคลียร์และขีปนาวุธประดามีของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นที่รับรู้รับทราบกันว่า “ปักกิ่ง” ทรงอิทธิพลกับ “เปียงยาง” เพียงใด จากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็จะบินลัดฟ้ามายังเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ที่ในปีนี้รับหน้าเสื่อเป็นนครเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก ครั้งที่ 29 ประจำปื 2017 ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ ก็จะมาร่วมประชุมสุดยอดในครั้งนี้ด้วย ในฐานะที่สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในเขตสมาชิกเอเปกด้วย และเป็นที่คาดหมายกันว่า ประธานาธิบดีจอมสร้างสีสันของสหรัฐฯ รายนี้ ก็จะถือโอกาสการเยือนเวียดนามที่จะมีขึ้น ฟื้นฟูเสริมสร้างอิทธิพลของพญาอินทรีสหรัฐฯ ให้หวนมาสยายปีกบนภูมิภาคอินโดจีนกันอีกครั้ง ปิดท้ายด้วยการเยือน “ฟิลิปปินส์” ถิ่น “ตากาล็อก” เป็นทริปสุดท้าย ซึ่งตามกำหนดการทางประธานาธิบดีทรัมป์ นอกจากพบปะหารือกับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ซึ่งมีอะไรๆ คล้ายๆ กันแล้ว ก็จะเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี หรือกึ่งศตวรรษของการก่อตั้งสถาปนา “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” หรือ “อาเซียน” พร้อมๆ กับงานเฉลิมฉลอง 40 ปี ที่สหรัฐฯ สถาปนาความสัมพันธ์กับอาเซียน อันเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ประกาศออกมาว่า พญาอินทรีสหรัฐฯ พร้อมประชันพญามังกรจีนแผ่นดินใหญ่ ที่จะหวนมาสยายปีก คือ อิทธิพลในภูมิภาคอุษาคเนย์แห่งนี้กันอีกคำรบ