“เพื่อไทย” จี้ “พัชรวาท-บุญเรือง” แสดงสปิริตถอนตัวจากกมธ. ปปช. ชี้ จะทำให้กฎหมายมีมลทินตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้ จวก “สนช.” ไร้มาตรฐานตั้ง “พัชรวาท-บุญเรือง” เป็นกมธ.ปปช. ทั้งที่ถูกไต่สวนอยู่ ขัดหลักธรรมาภิบาล วันที่ 5 พ.ย. 60 นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่มีชื่อพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยที่ทั้งสองคนยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. กรณีร่ำรวยผิดปกตินั้น ตนคิดว่ากรณีนี้เป็นเรื่องของจริยธรรมคุณธรรม เพราะในทางกฎหมายหากคดีความยังไม่ถึงที่สุดยังไม่มีการตัดสิน ก็คงไม่ขัดกับคุณสมบัติอะไร แต่เรื่องนี้เป็นสปิริตในด้านคุณธรรม จริยธรรมที่ว่าระหว่างมีการสอบตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ควรเข้าไปมีส่วนร่วมหรือยุ่งเกี่ยวกับการร่างกฎหมายที่ตนเองมีผลได้ ผลเสีย “ทางที่ดีทั้งสองคนก็ควรที่จะแสดงออกถึงบรรทัดฐานที่ดีลาออกเสีย ถอนตัวออกมา ให้คนอื่นที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทนได้ เพราะไม่ปรับเปลี่ยนสังคมก็จะตั้งคำถามได้ว่าร่างกฎหมายที่ออกมานี้มีมลทินตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้เลย” นายสามารถ กล่าว ด้านพล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ สนช. ในฐานะประธานกมธ.พิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กล่าวว่า เรื่องของท่านพัชรวาท และท่านบุญเรือง มาเป็นกรรมิการฯ พิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยที่ท่านยังถูกป.ป.ช.ไต่สวนอยู่นั้น เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในการทำงานของกรรมาธิการฯ เพราะเป็นการทำกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับการไต่สวน แต่เรื่องความสง่างามนั้น ก็เป็นเรื่องที่คนนอกหรือสังคมมองเข้ามา แต่พูดถึงการทำงานไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ มีตั้งกว่า 30 คน ซึ่งหามีประเด็นการพิจารณาที่คาบเกี่ยวกับบุคคลทั้งสอง ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในที่ประชุม อันนี้เป็นหลักการ ซึ่งหากใครมีประเด็นอะไรไปเกี่ยวข้องก็ไม่ควรอยู่ในการพิจารณาในส่วนนั้น “กฎหมายมีหลายมาตรา ไม่ได้มีทุกมาตราที่ไปเกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด อีกทั้งร่างกฎหมายใหม่นี้เปลี่ยนไปเยอะ คงไม่มีการแก้หรือทำกฎหมายที่ไปเอื้อให้การไต่สวนเปลี่ยนแปลงไป แม้แต่ท่านวัชรพล (พล.ต.อ.วัชรพล ประสารกิจ ประธานป.ป.ช.) ก็เข้ามาเป็นธรรมาธิการฯ ก็อาจจะมีที่เกี่ยวข้องเรื่องวาระประธานป.ป.ช. จะอยู่หรือจะไป ก็ทำนองเดียวกัน คือเมื่อถึงมาตราที่เกี่ยวข้องเหล่านั้น เขาก็อยู่ไม่ได้ ถ้าอยู่ก็ไม่สง่างาม ดังนั้นเมื่อมีเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับใคร โดยหลักการเขาไม่ควรจะอยู่ในที่ประชุม” พล.ต.อ.ชัชวาล กล่าว และว่าหลังจากนี้ท่านทั้งสองคนจะลาออกหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะกรรมาธิการฯเพิ่งได้ประชุมไปครั้งเดียว ซึ่งก็ได้เลือกประธานกัน ว่างแนวทางการทำงาน ยังไม่มีการพูดอะไรกันมาก นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการตั้งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยที่ทั้งสองคนยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. กรณีร่ำรวยผิดปกติว่า มีอย่างนี้ด้วยหรอ ผมคิดว่าสนช.ที่ทำซึ่งเป็นผู้ตั้งกรรมาธิการฯ คงบอกได้ถึงมาตรฐานสนช. ที่มีอยู่แค่นั้น โดยมารยาทแล้วไปถามเด็กก็ได้ คนถูกปปช.สอบอยู่ แล้วมาเป็นกรรมการร่างกฎหมายปปช.ได้อย่างไร ตอนนี้ท่านยังไม่เคลีย แน่นอนว่ายังไม่มีผลสอบว่าผิดหรือไม่ แต่ในระหว่างที่ถูกสอบสวนไม่ควรอย่างยิ่ง คิดว่าทั้งคุณพัชรวาท และคุณบุญเรือง ถอนตัวลาออกเสีย ขอให้ท่านถอนตัวตบหน้าสนช. ให้เป็นตัวอย่าง นายอดิศร กล่าวว่า ขอให้เคลียร์ตัวเองก่อน อย่าไปหลงกับปลาเล็กเลย ค่อยไปเอาตำแหน่งใหญ่ดีกว่า ขอให้ถอนตัวแสดงสปิริต การตั้งอย่างนี้ ทำให้เห็นการไร้มาตรฐานของสนช. ถ้าเป็นสภาผู้แทนฯ ทำอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ได้เลย ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อยากพาดพิงว่าเป็นคำสั่งใคร หรือเป็นนามสกุลใคร แต่เอาเป็นว่าหน้าที่สนช.ทำพลาดแล้ว ไปชี้นิ้วต่อว่าคนอื่นแต่ตัวเองทำ มีหลายเรื่องของ สนช. ที่ตั้งลูก ตั้งหลานเยอะแยะ “ทำอย่างนี้การออกกฎหมายจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ ทำอย่างนี้ พวกผมเข้าไปก็ต้องไปรื้อ คิดว่าครั้งนี้ต้องรื้อเยอะมาก ไม่ต้องกลัวใครมากมาย ความเห็นทางกฎหมาย ไม่ต้องกลัวกับสิ่งไม่ถูกต้อง ผมดูแล้วถ้าสนช. เป็นอย่างนี้จะจบปิดท้ายไม่ดี สงสารท่านพัชรวาท กับท่านบุญเรือง ถอนตัวซะ ส่วน สนช. สังคมก็พิพากษาไปแล้วว่าไม่ใช่สภาของประชาชน” นายอดิศร กล่าว นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ และอดีตส.ส.ชัยภูมิพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของธรรมาภิบาล เป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่เอาคนที่อยู่ระหว่างการสอบสวนมาทำหน้าที่ แม้จะในทางกฎหมายจะถือว่ายังบริสุทธิ์อยู่ก็ตาม ทางที่ดีควรจะต้องเคลียตัวเองให้เสร็จก่อน ไม่ควรเอาคนมีปัญหาเข้ามา ยิ่งเรื่องนี้ ผู้ที่มีปัญหาอยู่กับหน่วยงาน หนึ่งคือปปช. แต่กลับเอาคนคนนั้นมาทำเรื่องปปช. เป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ใครได้ยินก็รู้ว่าไม่ถูกต้อง เพราะอาจจะมีผลดีผลเสียงเกิดขึ้นกับหน่วยงานนั้นได้ การจะลาออกหรือไม่ก็อยู่ที่จิตสำนึกตนคงไม่ไปก้าวล่วง แต่มองว่าเมืองไทยยังมีคนมีความรู้มีความสามารถอีกมาก