“สมชัย”ดอดดูข้อมูลชทพ.รับประสานทะเบียนราษฎร์ช่วยอัพเดตข้อมูลสมาชิกพรรค เล็งใช้ระบบหลังบ้านช่วยลดเวลาบันทึกข้อมูล “นิกร”วอนกกต.ออกระเบียบปธ.สาขาพรรคเป็นองค์ประชุมด้วย เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 14 พ.ย. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินทางมาที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อตรวจสอบระบบการปรับปรุงข้อมูลทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง โดยมีนายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะผู้อำนวยการพรรค ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายนิกร กล่าวถึงกรณีที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดให้พรรคการเมืองจะต้องแจ้งการมีอยู่และการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกพรรคภายใน 90 วันว่า สำหรับกรณีที่สมาชิกเสียชีวิตหรือย้ายที่อยู่นั้นพรรคการเมืองไม่สามารถทราบเองได้ และจะมีผลต่อสมาชิกภาพของพรรคการเมือง รวมถึงอาจจะมีโทษกรณีการแจ้งเท็จด้วย จึงอยากให้กกต.ช่วยประสานกับสำนักทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พรรคการเมืองในกรณีดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ กฎหมายยังระบุด้วยว่า หากจะแก้ไขข้อบังคับพรรคนั้นต้องมีการประชุมใหญ่ ซึ่งการประชุมใหญ่นั้นกำหนดให้ต้องมีสาขาพรรคไม่น้อยกว่า 4 สาขา และมีหัวหน้าสาขาพรรคมาเป็นองค์ประชุมด้วย แต่ปัจจุบันพรรคมีแต่ประธานสาขาพรรค ซึ่งไม่ใช่หัวหน้าสาขาพรรค จึงไม่ถือว่าเป็นองค์ประชุม ดังนั้น ขอให้กกต.ออกระเบียบเพื่อให้ประธานสาขาพรรคถือเป็นหัวหน้าสาขาพรรคเพื่อเป็นองค์ประชุมได้ด้วย สำหรับกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า พรรคการเมืองสามารถขอขยายระยะเวลาได้นั้น นายนิกรกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่ายังมีผลกระทบต่อการส่งผู้สมัครส.ส. เพราะไม่สามารถขอขยายระยะเวลาในรัฐธรรมนูญได้ และยังกังวลว่าจะไม่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย เพราะกกต.ไม่มีอำนาจสั่งไปยังกระทรวงมหาดไทยได้ กกต.จะมีอำนาจต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้วเท่านั้น ด้านนายสมชัย กล่าวว่า พรรคการเมืองจะต้องมีการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรค ซึ่งขณะนี้ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะระบบรายชื่อสมาชิกพรรคตามที่กกต.เคยออกแบบไว้ คือการเปิดข้อมูลสมาชิกทีละหน้า ผลที่เกิดขึ้นคือ พรรคชาติไทยพัฒนามีสมาชิก 20,000 กว่าคน สมมติว่ามีรายชื่อที่ต้องปรับปรุง 2,000 รายชื่อ การจะเปิด 1 รายชื่อต้องใช้เวลา 1 นาที ดังนั้น หากเปิด 2,000 รายชื่อต้องใช้เวลาถึง 2,000 นาที รวมแล้วต้องใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์จึงจะแล้วเสร็จ และหากเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ มีรายชื่อสมาชิกพรรคที่ต้องปรับปรุงเป็นล้านคน อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการจัดทำ ดังนั้น กกต.จึงเตรียมแก้ไขด้วยวิธีที่เรียกว่าระบบหลังบ้าน โดยการเอาจากหน้าจอทั้งหมดมาสรุปเป็นกระดาษแผ่นเดียว แล้วเปลี่ยนแปลงข้อมูลเป็นรายบรรทัด เท่ากับว่าการแก้ไขข้อมูลสมาชิก 1 คนจะแก้ไขเพียงแค่บรรทัดเดียวเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้การปรับเปลี่ยนข้อมูลมีความรวดเร็วมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพรรคการเมือง ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความรวดเร็วขึ้นในการอัพเดตฐานข้อมูลสมาชิกพรรค นายสมชัย กล่าวอีกว่า กกต.จะเชิญพรรคการเมืองต่างๆ มาประชุมและอบรมในการใช้ระบบหลังบ้านด้วย แต่แนววิธีนี้ยังไม่นับรวมระยะเวลาที่พรรคต้องใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนนำมาพิมพ์ลงในระบบ ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ของพรรคการเมือง ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าจะอำนวยความสะดวกได้มากน้อยเพียงใด แต่จะไปหารือกับสำนักทะเบียนราษฎร์กระทรวงมหาดไทยให้ ถ้าทำได้ก็จะเร็วขึ้น แต่ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นภาระของพรรคการเมืองที่ต้องดำเนินการเอง โดยในวันที่ 27 พ.ย.นี้ กกต.จะมีการหารือกับสำนักทะเบียนราษฎร์ด้วยว่าจะสามารถอำนวยความสะดวกให้ได้มากน้อยอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคการเมืองลงไปเก็บรวบรวมข้อมูลของสมาชิกพรรคจะเป็นการขัดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเหมือนกับการไปทำแบบสอบถามทั่วไป ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่จะเป็นภาระของพรรคการเมืองในเรื่องของบุคลากรและค่าใช้จ่ายที่มีเป็นจำนวนมาก และหากพรรคการเมืองขนาดใหญ่กังวลว่าจะดำเนินการไม่ทันตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ก็สามารถขอขยายระยะเวลาได้แต่ต้องก่อนจะถึงวันครบกำหนด และต้องระบุด้วยว่าจะขอขยายระยะเวลาไปอีกกี่วัน