2 พยานปากสำคัญ มั่นใจครูจอมทรัพย์ ไม่ผิด ลุ้นคำสั่งศาลยืนยันเห็นคนขับเป็นชาย เชื่อมั่นความเป็นธรรมยังมีในสังคม วันที่ 16 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ภายหลังศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดอ่านคำพิพากษา คดีดังเป็นที่สนใจของสังคม และยังเป็นคดีประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับ การออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมของผู้ที่ตกเป็นจำเลย ในคดีอาญา ตาม พรบ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 ของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ชาว จ.สกลนคร ที่ออกมาร้องทุกข์ กับกระทรงยุติธรรม ว่าตกเป็นแพะ หลังถูกตัดสินจำคุกเกี่ยวกับคดี ขับรถชนคนตาย ผู้เสียชีวิตคือ นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 74 ปี ชาวบ้าน ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อ 11 มีนาคม 2548 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม หลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน จากคำพิพากษาตัดสินของศาลฎีกา ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อปี 2556 แต่ได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 2558 จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม พิจารณารื้อคดี โดยมีกำหนดนัดสืบพยานเมื่อวันที่ 8 -10 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา โดยศาลจังหวัดนครพนม ได้ นัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.00 น. ขณะเดียวกัน ทางด้าน พยานปากสำคัญ ของ ครูจอมทรัพย์ ที่ไปเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม ในการพิจารณาคดีใหม่ คือ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี ที่ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุพบว่า คนขับรถยนต์ชนคนตายเป็นชาย ที่เดินลงมาดูผู้เสียชีวิต ก่อนขับรถหลบหนีไป ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังทราบข่าวว่าจะมีการอ่านำพิพากษาของศาล เกี่ยวกับคดีครูจอมทรัพย์ ทำให้อยากรู้ผลคำพิพากษาเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่ขึ้นศาลไปเป็นพยาน ตนไม่ทราบข่าวอีกเลย นานร่วม 10 เดือน และไม่ได้ติดต่อกับครูจอมทรัพย์เลย หากไม่ติดงานสำคัญจะไปรอฟังคำพิพากษากับครูจอมทรัพย์ โดยที่ผ่านมาตนไม่ได้รู้จักไม่ได้คุ้นเคยกับครูจอมทรัพย์มาก่อนเลย มารู้จักตอนออกมาจากคุก และมีคนมาสอบถามขอให้เป็นพยานในศาลให้ ตนในฐานะที่เป็นคนที่อยากให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม จึงยอมไปเป็นพยานในศาลกับ เพื่อนบ้านอีก 1 คนที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านไป ด้วยกันในวันเกิดเหตุ ทั้งนี้ไม่ว่าผลคำพิพากษา ออกมาอย่างไร ตนยังยืนยันว่า วันที่เกิดเหตุสิ่งที่พบเห็นคนขับรถที่เกิดเหตุชนคนตาย เป็นชาย แต่ไม่รู้เป็นใคร และจำยี่ห้อรถรวมถึงทะเบียนได้ทั้งหมด จึงยอมไปเป็นพยานให้ เพราะอยากให้ทุกอย่างปรากฏความจริง ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ตนให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่เห็นคือความจริง ส่วนหากคำพิพากษาออกมาว่า ครูจอมทรัพย์เป็นแพะในคดี ตนอยากให้คืนความยุติธรรม ให้ เพราะสงสารหากไม่ได้ทำผิด แต่หากผลออกมาว่าครูจอมทรัพย์ เป็นคนผิด ตนยังยืนยันว่ายังติดใจ และขัดแย้งกับสิ่งที่เห็น และหากผลออกมาขัดกับความรู้สึก ในส่วนตัวต้องยอมรับว่า ความเป็นธรรมในสังคมหายาก แต่สุดท้าย เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ต้องรอฟังคำพิพากษาเป็นที่สุด ด้าน นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 52 ปี พยานปากสำคัญ 1 ใน 2 ปาก ที่ถือเป็นพยานสำคัญ ในการเป็นพยานให้กับครูจอมทรัพย์ ยังคงออกมายืนยัน ว่า เห็นคนขับคนขับรถยนต์ก่อเหตุเป็นชาย ลงมาดูศพผู้ตาย ก่อนขับรถยนต์หนีไป แต่สามารถจำเลขทะเบียนรถได้เพียง 56 ไม่สามารถจำยี่ห้อ รวมถึงหมวดอักษร และจังหวัดของป้ายทะเบียนได้ หลังทราบว่าจะมีการอ่านคำพิพากษาของศาล ทำให้รอลุ้นว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนยังคอรอดูว่า สิ่งที่ตนเห็นกับการดำเนินการทางกฎหมาย จะสวนทางกันหรือไม่