“บิ๊กตู่” ลั่น ไร้ “จักรทิพย์” ร่วมครม.ใหม่ เผยกำลังดำเนินการ คาดเสร็จภายใน ธ.ค. บอกสื่อใจเย็นๆ อย่ามโนมากนัก ถ้าไม่แก้ที่ตัวเองเดี๋ยวจะเอาเทวดามาเป็น พร้อมโต้ 6 คำถาม ฟังเสียงประชาชน ไม่เคยเกณฑ์ใคร เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 17 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 2/2560 ถึงกรณีมีรายชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า “ไม่มี เขาทำงานดีอยู่แล้ว จะเอามาทำไม อยากถามว่ากระแสข่าวที่ออกมาเป็นของใคร ใครเป็นคนเลื่อยเก้าอี้ วันนี้สื่อจะฟังตำรวจ หรือฟังผม ตำรวจเป็นคนปรับ หรือสื่อเป็นคนปรับ วันนี้ผมบอกว่าไม่มีก็จบแล้ว จะหาเหตุอะไรมาได้อีก จะมาซักต่อกันทำไม” ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนกรณีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะนั่งควบเก้าอี้รมว.กลาโหมด้วยนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยเสียงดังว่า “ไม่ควบ แล้วจะเอาอะไรอีก ทุกวันนี้ผมก็ควบทุกกระทรวงอยู่แล้ว เพราะมันเป็นนโยบายของผม ริเริ่มนโยบาย วิสัยทัศน์ต่าง ๆ ก็ใส่ลงไป จากนั้นก็มีการติดตามการขับเคลื่อนในฐานะที่กำกับดูแล เท่ากัน เราก็ต้องรู้ในทุกกระทรวงอยู่แล้ว ไม่ใช่เก่ง แต่ต้องรู้ว่าเราจะบริหารอย่างไร พร้อมกับรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน จากสื่อ โซเชียลมีเดีย เพื่อนฝูง พี่น้อง ใครบอกมาก็ฟัง ไม่เห็นใจผมบ้างหรืออย่างไร ในหัวผมต้องย่อต้องสรุปเท่าไหร่ ยืนยันที่ผ่านมาไม่ได้เก็บตัวอะไร ผมมีงานที่ต้องทำของผมอยู่ ก่อนหน้านี้ไม่อยู่หลายวันเอกสารกองท่วมหัวก็ต้องมานั่งเขียนใหม่ในการประชุมแต่ละครั้ง จะต้องประชุมและสั่งการอะไร ต้องอ่านเอกสารทุกเรื่อง ทำไมจะต้องให้ผมออกมาโชว์ตัวทุกวัน สื่อจะต้องสัมภาษณ์ทุกวันอย่างนั้นหรือ เรื่องครม.วันนี้ขอให้จบเสียที ที่พูด ๆ กันมาไม่มี นักการเมืองที่ว่าจะเข้ามาก็ไม่มี เลิกลือกันเสียที ขณะนี้กำลังดำเนินการตามขั้นตอน คาดว่าจะเรียบร้อยภายในเดือนธ.ค.นี้ ขอให้ใจเย็น ๆ ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนทำดีที่สุด ตนต้องการเอาคนที่เข้ามาให้เกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจ และไม่ได้หมายความว่าคนเก่าไม่ดี แต่คนไทยเป็นคนขี้เบื่อตนก็จะดูให้ และจะปรับให้ ทั้งหมดอยากเรียนว่าเราได้มีการคุยและหารือ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประยุทธ์ 1-2-3-4 ทุกคนต่างทำงานมาด้วยกัน ถ้าจะบอกว่าทำไม่ดี ก็อยากจะขอถามกลับว่าแล้วมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะอะไร ก็เป็นเพราะทุกคนทำงานร่วมกันมา ก็ต้องมีคนที่สานต่อ มีคนที่ได้เริ่มต้นไปแล้ว ถึงวันนี้ก็ต้องพักผ่อนทำนองนี้ เอาเป็นว่าตนหาคนที่เหมาะสมเข้ามาก็แล้วกัน ในเมื่อนักการเมือง ประชาชน ยังมีปัญหาอยู่บางประการ ก็ต้องการให้เขาสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ซึ่งตนไม่ได้ติติงนักการเมืองเลย ทุกเรื่องที่ทำไม่ว่าจะเป็นประเด็น 6 คำถาม หรือ 4 คำถาม เพียงแค่ต้องการสื่อสานกับประชาชนโดยตรง ไม่ได้ไปเกณฑ์มา ส่วนถ้าเขาจะชวนมาเองก็คงไม่เป็นอะไร แต่ไม่ใช่เอารถไปรับมา หรือไปออกคำสั่งว่าบ้านนี้ต้องมาเท่านี้ ยืนยันว่าไม่มี ถ้ามีจะลงโทษ เพราะไม่ต้องการแบบนั้น อีกทั้งตนไม่ต้องการโพล และไม่ใช่โพลของรัฐบาล เป็นการทำโดยรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ยืนยันว่าคนเก่าที่เคยตอบแล้วก็ตอบได้ ตอบคำถามเก่า หรือคำถามใหม่ก็ได้ จะตอบกี่ครั้งก็ได้ ไม่ใช่ครั้งเดียว การให้เขาบันทึกไว้เพื่อที่จะแยกข้อมูลได้ถูก เมื่อมีความคิดเห็นใหม่ ๆ ก็สามารถเติมลงไปได้ จำมา 10 ครั้งก็ได้ เพียงแต่ไม่ได้ไปเกณฑ์มา ขอร้องอยากไปเชื่อคำบิดเบือนว่าเอาบัตรประชาชนไปใช้ประโยชน์ ถ้ากลัวก็เซ็นทับลงไป อย่าไปปล่อยให้มีการบิดเบือน ไม่ว่าจะเรื่องพร้อมเพย์ และการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งผลการตรวจสอบ 2 รัฐมนตรีที่ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 คือนายอุตตมะ สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิ จิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ให้กับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่งมา ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมว่าอย่างไร ถ้ายังไม่ได้ตัดสิน ยังไม่ชัดเจนก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็สู้กันไปก่อน หมายความว่ายังทำงานได้ เรื่องนี้ตนรู้รายละเอียดแล้ว ก็ต้องไปดูก่อนว่าหุ้นดังกล่าวมีการถือครองก่อนหรือหลังในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เรื่องนี้ต้องว่ากันอีกที ดูทั้งกฎหมายเก่าและใหม่ เรื่องนี้ยังถกแถลงกันอยู่ วันนี้เมื่อป.ป.ช. ส่งเรื่องมาก็คือส่งมา เมื่อมีคนฟ้องก็ส่งมา กระบวนการยุติธรรมก็ต้องไปสอบสวน ถ้าสอบสวนแล้วพบว่ามีปัญหาก็ออก และก็จบ ซึ่งความจริงแล้วยังไม่มีข้อยุติก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน ตามกฎหมาย ส่วนการปรับครม.ครั้งนี้ ก็ได้มีการพิจารณาและดูถึงกรณีผู้ที่ถือหุ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรารภขณะเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยว่า “เรื่องครม.พอแล้ว อย่าไปมโนกันมากนัก เพราะถ้าไม่แก้ไขที่ตัวเอง ตั้งใครมามันก็ไร้ค่าเหมือนเดินนั้นแหละ เดี๋ยวจะเอาเทวดามาเป็น”