“รอง ผบ.ตร.”เผยคดีจ่อยิง“ดอกเตอร์”เจ้าของบริษัทฯรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ดับคาถนนมีความคืบหน้าไปมาก หลังสอบพยานพบผู้ตายลงจากรถไปชกต่อยกับคนร้ายที่ขับรถปาดหน้ากันก่อนถูกยิงเสียชีวิต ชี้ปมขึดประวัติผู้ตายในโซเชียลเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะที่“นายจ้างเก่า”แจงเหตุไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้เพราะผู้ตายทำผิดระเบียบบริษัทฯ ลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แถมยังเอาข้อมูลลูกค้าของบริษัทฯออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ จากกรณีคนร้ายขับรถยนต์ยี่ห้อห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สวมทะเบียนปลอม ขับขี่ไล่ล่ารถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีขาว ทะเบียน 4 กว 6451 กรุงเทพมหานคร ของ ดร.อัครนันท์ มงคลชลสวัสดิ์ อายุ 56 ปี ประธานบริษัท ฟินิกซ์ เวิลด์ เอนเนอจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขณะขับกลับบ้านพัก โดย ดร.อัครนันท์ เกิดสงสัยได้จอดรถและเปิดประตูลงไปเคลียร์ก่อนถูกคนร้ายชักอาวุธปืน 11 ม.ม. รั่วยิง 3 นัด ดับคาถนนบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านลัลลี่วิลล์ หมู่ที่ 5 ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดคืนวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งปมก่อเหตุไปที่เรื่องขัดแย้งธุรกิจ รวมทั้งกรณีที่ก่อนหน้านี้ผู้ตายได้ฟ้องร้องศาลแรงงาน เรื่องที่นายจ้างคนเก่าไม่ยอมจ่ายค่าแรง ให้กับผู้ตาย และเพื่อนร่วมงาน ก่อนที่จะออกจากบริษัทเดิม และผู้ตายมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเองเมื่อประมาณเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายโชติทิวัตถ์ จิรภัทรพุฒิธนา เจ้าของบริษัทฟ้าชัย วิศวกรรม จำกัด ในฐานะอดีตนายจ้างของ ดร.อัครนันท์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมงานกับ ดร.อัครนันท์ มาเป็นเวลากว่า 2 ปี ซึ่งโดยปกติแล้ว ดร.อัครนันท์เป็นคนสุภาพกับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีปัญหากับใคร แต่เวลาขับรถจะใจร้อน เนื่องจากใช้รถบริษัทฯ และมีใบสั่งข้อหาขับรถใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด เฉลี่ยเดือนละ 2 ใบ ที่ความเร็ว 127 - 153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งมาที่บริษัทฯตลอด “สำหรับปัญหาส่วนตัวนั้นตนไม่ทราบ เพราะ ดร.อัครนันท์ ไม่เคยเล่าให้ฟัง ทราบเพียงแต่ ดร.อัครนันท์ เคยเดินทางไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มากว่า 10 ปี เมื่อตนทราบว่าเดินทางกลับมาเมืองไทยจึงได้ติดต่อมาทำงานด้วยกันในตำแหน่งซีโอโอของบริษัทฯ แต่ในระยะหลังดร.อัครนันท์ได้แอบรวบรวมพนักงานของบริษัทฯและเอาข้อมูลลูกค้าของบริษัทฯออกไปรับงานเอง กระทั่งลาออกไปในที่สุด แต่ขั้นตอนการลาออกไม่ได้ปฏิบัติตามกฎของบริษัทฯ ที่ต้องแจ้งลาออกล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วัน แต่ดร.อัครนันท์ได้เขียนจดหมายแจ้งว่าลาออกแล้วหยุดทำงานไปในทันที ตนจึงไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้ จากนั้นมาทราบภายหลังว่าได้มีการฟ้องร้องตนกับศาลแรงงาน ตนจึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆเพื่อต่อสู้ในชั้นศาล และเตรียมการที่จะฟ้องร้องเอาผิดทางแพ่งกับ ดร.อัครนันท์ ฐานที่นำข้อมูลลูกค้าของบริษัทฯไปใช้ หรือเอาลูกค้าของบริษัทฯไปเป็นลูกค้าของบริษัทตัวเอง ซึ่งเป็นการผิดสัญญา กระทั่งมาทราบข่าวว่าดร.อัครนันท์มาเสียชิวิตลงเสียก่อน” นายโชติทิวัตถ์ ระบุ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวเปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจท้องที่ สภ. เมืองสมุทรปราการ ซึ่งในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 5 ปลอก ตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุตรวจสอบภายในพบปืนลูกโม่ จำนวน 1 กระบอก เป็นของผู้ตาย เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย ขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ ติดป้ายทะเบียนปลอมก่อนเกิดผู้ตายและผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถมาจอดที่กลางสะพานข้ามคลอง ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกัน และะลงจากรถมาชกต่อยกัน ผู้ก่อเหตุชักอาวุธปืนยิงใส่ผู้ตาย จำนวน 5 นัด และขับหลบหนีไป พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า หลังจากลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุหลบหนี ตอนนี้คดีมีความคืบหน้า ไปมากแล้ว นอกจากนี้ได้มีการประชุม ชุดสืบสวนติดตามจับกุมและพนักงานสอบสวนเพื่อเร่งรัดคดีเนื่องจากเป็นคดีอุฉกรรจ์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ ลงกี่ยวกับประวัติของผู้ตายนั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวน ได้ดำเนินการสืบสวนหาข้อมูลอีกแนวทางหนึ่ง เพื่อรวบรวมนำมาประกอบสำนวนคดี อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงต้องใช้เวลาทำการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิต และยังไม่ได้ตัดประเด็นใดๆทิ้งไปทั้งหมด แม้กระทั่งประเด็นเรื่องขับรถ ปาดหน้าและมีปากเสียงทะเลาะกัน และเรื่องอื่นซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลสอบสวนสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีต่อไป