วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รักษาการ ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.เจตนิพัทธ์ศิริวัฒน์ สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุมตัว นายนบดี รักช่วย อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/14 ม.4 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1909/2560 ลงวันที่ 22ส.ค. 2560 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและ นายวิวัฒ ทักขพาณิชย์อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36ถ.ขุนราม ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1910/2560 ลงวันที่ 22 ส.ค. 2560  ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” พร้อมของกลาง หลักฐานการเปิดบัญชีธนาคารของนายวิวัฒ ,ใบนำฝากเงินธนาคาร ,เอกสารในการซื้อขายที่ดิน โดยจับกุมตัวได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนหมายเลข 347 ม.8 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.หลังถูกกลุ่มคนร้าย 5 ราย ทำทีเข้ามาเสนอขายที่ดินย่านบางกะปิมูลค่า 100 ล้านบาท พร้อมนำสำเนาโฉนดที่ดินมาให้ผู้เสียหายดูเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เมื่อตกลงซื้อขายเรียบร้อยจ่ายเงินมัดจำจำนวน 19 ล้านบาท กลุ่มคนร้านก็หนีไป ต่อมาพบว่ากลุ่มคนร้ายไม่ใช่เจ้าของที่ดินตัวจริง จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกโอนไปยังบัญชีนายนายวิวัฒ ส่วนสำเนาโฉนดที่ดินที่กลุ่มคนร้ายเอามาแอบอ้างตรวจสอบแล้วพบว่ามีที่ดินอยู่จริงแต่ทางเจ้าของนั้นขายไปแล้ว อีกทั้งเจ้าของที่ตัวจริงก็ไม่ทราบว่าสำเนาโฉนดไปอยู่กับคนร้ายได้อย่างไร นอกจากนี้ยังพบว่าหนึ่งในกลุ่มคนร้ายได้ปลอมบัตรประชาชนขึ้นมาใหม่เพื่อให้เป็นชื่อเดียวกับโฉนดที่ดินดังกล่าวและทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังขยายผลเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การปฏิเสธ โดยนายวิวัฒอ้างว่านายนบดีเป็นคนชักชวนให้เปิดบัญชีเพื่อโอนเงินซื้อขายที่ดิน ซึ่งได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 3 แสนบาทส่วนเรื่องการหลอกซื้อขายที่ดินไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนจะควบคุมตัวส่งศาลอาญาเพื่อดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าได้จับกุมตัว นายเชวงศักดิ์ จรเสมอ อายุ 52 ปีหนึ่งในกลุ่มคนร้ายได้ไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามยังเหลือผู้ร่วมขบวนการอีก 2 ราย เป็นผู้หญิงทั้งคู่และเป็นผู้ที่ปลอมชื่อในบัตรประชาชนให้ตรงกับชื่อในโฉนดที่ดินที่ยังหลบหนี โดยขณะนี้ถูกออกหมายจับไว้แล้ว