เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายอุตตมะ สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ลงพื้นที่ติดตามนโยบายรัฐบาล จ.กาฬสินธุ์ โดยจุดแรกนายกฯเดินทางไปยังหมู่บ้านโพน อ.โพน ต.คำม่วง ขึ้นรถอีแต๊ก สวมเสื้อพื้นเมืองภูไทกาฬสินธุ์ เยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวบ้าน โดยมีชาวบ้านรอต้อนรับตลอด 2 ข้างทาง และมีตะโกนขอให้เป็นนายกฯต่อไปอีก 10 ปี ขณะที่นายกฯ ได้โบกมือและกล่าวทักทายว่า ท่านไม่ได้เรียกร้องให้ตนมา แต่ตนอยากมาด้วยใจ เพราะคิดถึง มาไม่ได้หวังอะไร แต่มานำร่องแก้ความยากจน มาทำให้ดีขึ้น จากนั้น นายกฯไปยังศูนย์วัฒนธรรมภูไท ชมการทอผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ โดยมีนายไกสร กองฉลาด ผู้ว่าฯจ.กาฬสินธุ์ และแม่คำสอน สาทอง ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) ได้บรรยายการทอผ้าไหมแพรวา และนายกฯยังได้ร่วมฟ้อนภูไทกับชาวบ้าน โดยมีวงโปงลางช่วยเล่นเพลง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่นายกฯพูดติดตลกว่า ได้เจอเนื้อคู่อายุ 79 ปี ก่อนถ่ายภาพร่วมกับชาวบ้าน รวมถึงลองชิมหนอนไหม โดยบอกว่าแซ่บหลาย ขณะที่นายกฯกล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า วันนี้รัฐบาลมาต้องการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ดีกว่าเดิม และต้องดีกว่าเดิม ต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่รอแต่รัฐว่าจะมาเมื่อไหร่ เราต้องเข้มแข็ง รวมกลุ่มกันให้ได้ด้วย และรักสามัคคีกัน ไม่ทิ้งกัน ไม่ใช่คนนี้รวย คนนี้จน วันหน้าต้องไปด้วยกันให้ได้ พอเพียง เลี้ยงตัวเองให้ได้ เหลือแบ่งปัน และไปขาย จากชุมชน ไปสู่เอสเอ็มอี ไปตลาดประชารัฐ ไปบริษัทประชารัฐในวันข้างหน้า นำอัตลักษณ์ที่มีไปเสริมให้เกิดความทันสมัย ดูตลาดโลกว่าชอบแบบไหน จะได้ขายได้ตรงจุด เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยจะดูเรื่องการขุดบ่อบาดาล การทำน้ำประปาให้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ร้องเรียนมาว่าต้นม่อนกำลังจะตาย วันนี้มีใครอยากได้อะไรไหม อะไรที่เป็นปัจจัยพื้นฐานตนให้ก่อน แต่วันนี้อย่าไปฟังใครว่าจะให้อะไร เพราะไม่อย่างนั้นจะต่อรองไม่ได้เลย ได้ยินฝั่งหนึ่งบอกเลือกตั้งเร็วๆ ส่วนอีกฝั่งบอกให้เป็นนายกฯต่อไปอีก 10 ปี ไปตกลงกันให้ได้ก่อน ที่บอกว่าให้เป็นนายกฯต่อไปนานๆเดี๋ยวค่อยมาว่ากัน และอยู่ที่พวกเราจะให้อยู่ต่อหรือไม่ ถ้าให้อยู่ก็อยู่ได้ “บิ๊กตู่” แจกงบเกือบ 2 พันล้าน ลงกาฬสินธุ์ “ยืนยัน” รัฐบาลนี้ทำงานแบบไม่มีพรรค ลั่นวันนี้ยังไม่มีการเมือง จากนั้นเวลา 11.00น. ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมภูไทผ้าไหมแพรวา เฉลิมพระเกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาเป็นประธานในการมอบโค-กระบือ และเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับตัวแทนชาวบ้าน พร้อมกล่าวตอนหนึ่ง ว่า เดินทางมากาฬสินธุ์ครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างยอดเยี่ยม ได้เห็นรอยยิ้มที่ยังยิ้มอยู่เช่นเดิม ตนมาครั้งนี้มาด้วยความห่วงใยทุกคน มาพบด้วยแรงคิดถึง มาวันนี้ได้เพราะคิดถึง เป็นวันหนึ่งที่สุขมากยากจะหา เข้าใจถึงความเหนื่อยยากลำบากมา ต้องเดินหน้าสู่สุขอย่างยั่งยืน เหล่านี้คือสิ่งที่จะทำให้กับทุกคน ทำทุกอย่างให้ยั่งยืนมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ช่วยไปๆ แล้วก็เลิก จะต้องสานต่อสิ่งที่ทำมาแล้วทั้งหมด ทุกอย่างที่ทำมามีส่วนดีทั้งสิ้น ตนให้ความสำคัญกับกาฬสินธุ์เป็นพิเศษเป็นอยากทำทุกอย่างให้ดีขึ้นโดยเริ่มต้นจากพื้นที่ของชาวบ้านเอง วันนี้จึงคำคณะรัฐมนตรีและหน่วยราชการต่างๆที่รู้ปัญหามาช่วยและรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาและต่อยอดสิ่งที่ทำไปแล้วตามแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันที่ทรงรับสั่งว่าให้นำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์และสานต่อ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้มีชาวต่างประเทศมาเที่ยวประเทศไทยถึง 34 ล้านคน สูงที่สุดตามลำดับตั้งแต่ที่ตนเข้ามา ซึ่งคงเพราะเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีประท้วง ไม่มีข้อขัดแย้ง บ้านเมืองมีเสถียรภาพ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นักท่องเที่ยวถึงเข้ามา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูด พล.อ.ประยุทธ์ มีการไอเป็นระยะ รวมทั้งมีเสียงที่แหบแห้ง จึงบอกกับชาวบ้านที่มารับฟังนโยบายว่า “ช่วงนี้เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ต้องมาให้ได้ ก่อนเดินทางมา 3 วัน ฉีดยามา 3 เข็ม กลัวไม่ได้มาเจอกับพี่น้อง หลายคนอยากให้ผมมา ตัวเองก็อยากมา ก็เป็นแรงส่งให้มาให้ได้ ผมสู้ตายในการที่จะมาแก้ปัญหากับทุกคน เรามาคุยด้วยปัญหาและข้อเท็จจริง ว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง อะไรที่ยังทำไม่ได้ก็ต้องใช้เวลา เรามีแผนการใช้จ่ายงบประมาณไว้ทุกจังหวัด ทุกรัฐบาลต้องทำแบบรัฐบาลนี้คือการดูแลทุกคน ทุกภาคส่วน ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องทำแบบนี้ คือทำอย่างไรให้คนไทยทั้งประเทศมีความอยู่ดีกินดีด้วยความยั่งยืน โดยการส่งเสริมตั้งแต่ต้นทาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การก้าวเข้าสู่สังคม 4.0 ไม่ใช่หมายความเฉพาะว่าต้องก้าวทันเทคโนโลยีอย่างเดียว 4.0 ของตนคือการใช้ความคิดและสิติปัญญาในการดำรงชีวิตเดินไปข้างหน้า เราต้องเดินไปพร้อมกันในทุกภาคส่วน ต้องมีการปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่อยู่ด้วยความไม่ไว้วางใจ เกิดการทุจริตนี่นั่น ตนสามารถตรวจสอบได้ทุกโครงการ ทั้งหมดอยู่ที่ความเข้มแข็งของทุกคน แล้วจะไม่มีใครทำอะไรท่านได้ วันนี้มาเยี่ยมเยียนถึงถิ่นเมืองภูไทมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมยาวนาน 222 ปี อพยพมาจากสิบสองปันนา ตั้งแต่ปี 2336 ตั้งเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ รัตนโกสินทร์เริ่มตั้งแต่ปี 2325 มีการพัฒนามาตามลำดับ วันนี้เป็นโอกาสดีที่ได้มาสร้างความเข้าใจระหว่างกัน นโยบายแต่ละรัฐบาลวางไว้จำนวนมาก ถ้าทุกคนฟังมาตลอด 3 ปี กว่าในทุกวันศุกร์ 150 กว่าครั้งจะเข้าใจ แต่หลายคนไม่ได้ฟังเพราะติดละคร แต่คนที่ฟังก็สามารถมาถ่ายทอดต่อได้ ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ในอนาคตกาฬสินธุ์เมืองน้ำดำจะต้องมีอัตลักษณ์ของตัวเอง เราต้องการรายได้เพิ่มแต่ยังทำแบบเดิมก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ “ จังหวัดกาฬสินธุ์ถือเป็นจังหวัดนำร่องในการพัฒนาที่จะนำไปสู่จังหวัดที่หลุดพ้นจากความยากจน มีโครงการที่จะมาในระยะที่สอง แม้จะมีข้อจำกัดทั้งทรัพยากรน้ำ ดิน รายได้จากภาคการเกษตร มีปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ขาดโอกาสด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ท้ายที่สุดมีคนกล่าวหาว่าทั้งหมดเป็นการเมืองทั้งสิ้น รัฐบาลไม่ดูแลคนยากจน แล้วถ้าใช้การดูแลแบบเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆก็ไม่ได้ เราต้องมีการอัดฉีดและฉีดยาตลอด เราต้องช่วยกันรักษาถึงจะไปด้วยกันได้ รัฐบาลนี้ทำงานแบบข้ามกระทรวง ไม่มีพรรค ถ้าทำไม่ดีก็พักผ่อน กลับบ้าน ถึงอยู่ด้วยกันได้ อย่ามามองว่าผมต้องการคะแนนการเมือง ยืนยันว่าไม่มี วันนี้ยังมีการเมือง มีแต่การบ้านและการแก้ไขปัญหา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเร่งพัฒนาพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งวันเดียวกันนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มาเองก็ขออนุมัติงบประมาณตามโครงการต่างๆที่ขอ เมื่อมาแล้วก็ให้เลยของจริง ไม่ใช่พูดเพียงปากเปล่า แต่เมื่อให้แล้วก็ต้องทำให้เสร็จด้วย ตั้งแต่เรื่องของอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒต์ จำนวนเงินงบประมาณ 305 ล้าน การอนุมัติงบก่อสร้างเส้นทางคมนาคม 4 ช่องการจราจร จำนวน 3 โครงการ จำนวนงบประมาณ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอนุมัติงบประมาณการจัดซื้อเครื่องสาวไหมจำนวน 5 เครื่องๆละ 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอนุมัติงบประมาณในการปรับปรุงต่อเติมศูนย์การเรียนรู้ รวมทั้ง การสานต่อการก่อสร้างเส้นทางสายไหมในประเทศไทยเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อให้เกิดลู่ทางการลงทุน ส่วนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น รัฐบาลต้องการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยเพื่อการใช้ซื้อสินค้าในการอุปโภคบริโภค หากใครพบว่าสินค้าที่ซื้อมามีราคาแพงเกินจริง ให้แจ้งกระทรวงพาณิชย์ได้ทันที นายกฯ บอก ชาวบ้าน เลือก “ประยุทธ์” เพราะไม่ได้ลงลต. แนะชาวบ้านลต.ให้ดี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องขับเคลื่อนประเทศด้วยชุมชนหมู่บ้าน โดยตัวแทนของเราเอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพราะเราเป็นคนเลือกเขาเข้ามาเอง และการเลือกตัวแทนหมู่บ้านนั้น ตนก็ไม่ได้ไปเลือกด้วย เมื่อท่านเป็นผู้เลือกก็จะต้องเลือกให้ดี ต้องมองคนที่จะเข้ามาด้วยปัญญา ว่าจะแก้ไขปัญหาให้เราได้หรือไม่ ซึ่งต้องเลือกคนที่บริหารจัดการเป็น ส่วนคนที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ขอให้เลือกให้ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ถามประชาชนว่า ในการเลือกตั้งจะเลือกใคร โดยได้รับคำตอบว่า จะเลือกพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯจึงตอบกลับไปว่า “จะไปเลือกผมได้ยังไง ก็ผมลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่วันหน้าเลือกให้ดีก็แล้วกัน ต้องคนที่พูดแบบนี้ ที่แก้ไขปัญหาได้แบบผม จะมีใครพูดอย่างผมหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่คนเก่งก็มีเยอะแยะไป ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียว” นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้จะต้องกระจายรายได้ ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณลงไปให้มากกว่าที่เคยอนุมัติจังหวัดละ 300 ล้านบาท ภาคอีสานจะต้องแข็งแกร่งด้วยตัวเอง ผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องคุยกันว่าจังหวัดตัวเองมีศักยภาพอะไร ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียว ศูนย์กระจายสินค้า ตลาด โดยจะต้องเชื่อมโยงกัน เพื่อที่รัฐบาลจะได้อนุมัติงบประมาณลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนปัญหาความยากจนที่มีการพูดกันมานานนั้น รัฐบาลนี้ได้ยากผู้มีรายได้น้อยออกมาให้ชัดเจนด้วยการขึ้นทะเบียน ใครที่รวยแล้วมาบอกว่าจนคงไม่ได้ สังคมต้องช่วยกัน ตนไม่ได้มุ่งหวังให้คนรวยถือบัตรเช่นเดียวกับคนจน และเชื่อว่าในวันหน้าที่มีการลงทุนในอีอีซี จะสามารถมีเงินมาช่วยเหลือประชาชนได้ ผุดไดเดีย ให้ชาวบ้านย้ายบ้านอยู่ใกล้กัน แก้ปห.การกระจายข่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องไปดูในปัญหาการถือครองที่ดิน โดยรัฐบาลมีนโยบายจัดสรรที่ดินแก่ผู้ไม่มีที่ดินทำกิน นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะขอความร่วมมือให้ประชาชนที่มีบ้านอยู่ไกลออกไปจากชุมชน จะสามารถย้ายมาอยู่ใกล้ชุมชนได้หรือไม่ เพราะหากอยู่บ้านเดี่ยวโดดๆก็จะมีปัญหา ในเรื่องของการกระจายข่าว จะเรียกประชุมหมู่บ้านแต่ละครั้ง ก็ลำบาก จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้มาใกล้ชุมชน แต่ที่ดินทำกินสำหรับประกอบเกษตรกรรมก็อยู่ที่เดิมได้ โดยอาจจะหารถจักรยานยนต์สำหรับใช้เพื่อขับไปทำไร่ทำนา เราต้องการสร้างสังคมชนบทให้เข้มแข็ง เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไปไม่ได้ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบว่าวิทยุชุมชน หอกระจายข่าวที่มีอยู่เดิม ยังใช้ได้หรือไม่ และได้กระจายสาระที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ นายกฯ ลั่น ใครจะเขียนด่ายังไง ก็รับได้ ถามกลับเคยทำใครเดือดร้อนไหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ส่วนเรื่องของความบันเทิง ก็เป็นเรื่องของท่าน ผมไม่ว่าอยู่แล้ว ไม่เคยไปปิดกั้นใครทั้งสิ้น ใครจะว่าก็ว่า ด่าก็ด่า ใครจะเขียนถึงผมยังไงผมก็รับ ไหนผมไปปิดกั้นท่านตรงไหน ใครเดือดร้อนบ้าง ที่นั่งตรงนี้มีใครเดือดร้อนไหม และผมเข้ามามีใครเดือดร้อนไหม แล้วมาบอกว่าผมปิดกั้น ผมปิดกั้นคนที่พูดจาเลอะ หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เมื่อพูดออกไป ต่างชาติก็ไม่เข้าใจ หาว่าผมเผด็จการ มันไม่ใช่ เพราะถ้าใครฝืนกฎหมาย ผมก็ไม่ยอม หน้าที่ของผม คือให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียม ใครจะวิจารณ์ผม ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอความเป็นธรรมให้ผมได้ชี้แจงบ้าง วันนี้เรามีการตั้งเป้าโดยมียุทธศาสตร์ชาติ วางแผนประเทศไปอีก 20ปีข้างหน้า ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทุก 5 ปี ไม่ต้องกลัว เปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว ไม่ได้สร้างไว้เพื่อให้ผมอยู่ จะอยู่ได้ยังไงเดี๋ยวก็ตาย ป่วยตายหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรามียุทธศาสตร์เพื่อจะเดินหน้าประเทศให้มีความมั่นคง ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การลงทุนอุตสาหกรรม เป็นการวางแผนว่าจะทำอะไรบ้าง เช่น บริหารจัดการน้ำ ถนนหนทาง โดยปฏิรูปทั้งหมด นั่นเพราะมันไม่ดี จึงต้องปฏิรูป จึงต้องใช้เวลา 20 ปี ซึ่งใน 20 ปีข้างนั้น คนในรัฐบาลนี้ ใครจะยังมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่รู้เลย แต่ทุกรัฐบาลต้องเดินหน้า ตามแผนนี้ไม่ใช่เดินเฉพาะนโยบายหาเสียงของตัวเอง เพราะการเลือกตั้งเลือกกันไปเลือกกันมาก็เป็นอยู่แบบนี้ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล นโยบายก็ไม่ต่อเนื่อง แต่ถามว่าจะต้องเลือกคนเดิมตลอดหรือไม่ แต่ที่รัฐบาลนี้ทำคือ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลจะต้องเดินหน้าตามสิ่งที่วางไว้ ทุกพรรคต้องสนับสนุนการเดินตามยุทธศาสตร์นี้ เพราะถ้าไม่เดินตามเหมือนที่ผ่านมาทุกอย่างก็จะขาดตอน เหมือนถนนที่ขาด ไม่ต่อเนื่อง ขอให้เข้าใจด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า ที่พูดมานั้นมีใครไม่เชื่อตนบ้าง มีใครคิดว่าตนมาโกหกด้วยการวาดอนาคตแบบหลอกๆหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนพยายามสร้างอนาคตให้กับประชาชน โดยวิสัยทัศน์ของเราคือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน การมาครั้งนี้ไม่ใช่หาเสียง แต่ถ้าพรรคการเมืองจะหาเสียงก็ขอให้พูดแบบนี้ และถ้าเกิดพรรคการเมืองหาเสียงก็ขอให้ประชาชนช่วยฟังด้วยว่า เขาจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ถ้าบอกว่าจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น แต่บิดเบือนราคาตลาด ถือว่าผิด และผิดกติกาโลกด้วย วันหน้าจะมีปัญหาเหมือนกับที่มีปัญหาไอเคโอ ประมง เป็นต้น เตือนช่วงปีใหม่ อย่าดื่มแล้วขับ ป้องกันเหตุเสียชีวต นายกฯ กล่าวว่า ใกล้จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ประเทศไทยมีการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางรถยนต์มาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้ขับขี่ ไม่ค่อยรักตัวเอง ครอบครัว และคนอื่น ชอบกินเหล้าแล้วขับรถ จึงขับรถเร็วและประมาท ดังนั้นเราต้องบังคับตัวเองให้ได้ โดยไม่ดื่มแล้วขับ จะเป็นการป้องกันการเสียชีวิต ขณะที่รถบรรทุก ก็ขอให้เช็คสภาพรถ เช่นล้อ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ล้อหลุด ไปทำอันตรายคนอื่นได้ “ตัวเองตายไม่พอ ยังจะทำให้ลูกเมีย และคนอื่นตายไปด้วยอีกห้อยพระยังไงก็ตาย เพราะพระโดดลงจากรถตั้งแต่ใช้ความเร็วที่ 80 แล้ว ผมห้อยหลวงพ่อคูณ ท่านบอกว่า ก็โดดลงตั้งแต่ 80 แล้ว มึงขับเร็วเกินไป และต้องดูแลสภาพรถด้วย นายกฯ ลั่น ปลดล็อกพรรคการเมืองทำตามเวลาที่สมควร นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่พูดวันนี้ ถ้าผู้ว่าฯตอบไม่ได้ จะต้องโดน ขอให้ทุกคนทั้งข้าราชการทุกกระทรวง ต้องฟังตนในรายการศาสตร์พระราชา เพราะถ้าไม่ฟังจะปฏิบัติไม่ตรง แล้วจะกลายเป็นว่าตนไปสัญญากับประชาชนแล้วกลับไม่ทำ ดีแต่พูด ซึ่งตนดีแต่ทำ แต่ก็พูดด้วย เรียกว่าพูดแล้วทำ ตนไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของประชาชน แต่จะนำพาประชาชนให้ปลอดภัย ไปสู่การพัฒนาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งวันนี้ต่างประเทศก็ยอมรับเรา บ้านเมืองของเรา เราจะให้ใครมาใช้เงื่อนไขมากำหนดกับเรามากมายทำไม แต่เราก็พยายามปลดล็อกทีละเรื่องให้ได้ จากนั้นวันหน้าประชาธิปไตยก็จะมาเอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ถามประชาชนตอนหนึ่งว่า มีใครในที่นี้ อยากปลดล็อกบ้าง เพราะเห็นมีการร้องขอให้ปลดล็อคการเมืองกันมามาก แต่ที่นี้ไม่มี และวันหน้าอย่ามาถามเรื่องปลดล็อคอีกก็แล้วกัน ทั้งนี้ การปลดล็อคพรรคการเมือง จะทำตามเวลาที่สมควร นายกฯ อ้อนชาวกาฬสินธุ์ ขอยิ้มจริงใจ จะมีกำลังใจทำงาน รับมีปัญหาหนี้สินมาก ยันรบ.กำลังหาทางแก้ ต่อมาที่ อ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน ต.สงเปลือย อ.เขาวัง จ.กาฬสินธุ์ นายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า เราจะร่วมมือกันทำอย่างไร เดี๋ยวจะต้องไปแก้ไขปัญหาเรื่องการปลดล็อกเรื่องของเกษตรกร ผู้ประกอบการ เรื่องที่ดิน หนี้สิน แต่งตัวสวยก็ต้องไม่มีหนี้ ถ้ามีก็ให้น้อยที่สุด ชาวอีสานอดทนอยู่แล้ว และเป็นคนซื่อสัตย์ รักใครก็รักจริง แต่ขอให้รักคนให้ถูก รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ ตนไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่น เก็บไว้ให้ท่านได้พิจารณาเอาเอง ตนมาพูดกับท่านด้วยใจ แบกความบริสุทธิ์ใจมาหาท่าน ไม่ต้องเรียกร้องให้มา ตนก็ต้องมา เพราะจังหวัดของท่านรายได้น้อย จะทำให้ปัญหาเจือจาง หากเราทั้งหมดสามารถรวมกลุ่มก้อนกันได้ ก็จะเป็นปึกแผ่น รัฐบาลนี้มุ่งหวังจะแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมายาวนาน ทั้งเรื่องการเกษตร ที่มีการเป็นหนี้จนสุดท้ายต้องถูกยึดที่ รัฐบาลกำลังคิดอยู่ว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า อยากเห็นทุกคนมีความสุข แต่ก็เป็นสิ่งที่กดดันตน เพราะท่านดีกับทุกคน ใครมาท่านก็ยิ้ม และยิ้มกับตนน้อยลงหรือเปล่า ขอให้ยิ้มให้จริงใจ ยิ้มให้กว้างๆ ตนจะได้มีกำลังใจทำให้ท่าน ตนจะทำให้ท่านลืมตาอ้าปากให้ได้ สามปีที่ผ่านมาปลดปัญหาไปเยอะแยะ ภายนอกประเทศก็กดดันลดลง ซึ่งเราต้องเข้มแข็งจากภายในด้วย นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะทำอะไรให้คำนึงถึงตลาด เช่น เรื่องการปลูกข้าว พอราคาตกก็ตกหมด แล้วจะไปขายใคร รัฐบาลก็ซื้อไม่ได้ และที่ซื้อไปคราวที่แล้วข้าวก็เน่าอยู่ในคลัง มีปลอมปน เพราะทุกคนจะขายให้ได้ราคาหมด เอาข้าวผิดชนิดมาปน ซึ่งข้าวที่อยู่ในคลังนั้นผิดชนิดทั้งหมด ตนไม่ได้ว่าใครผิดหรือถูก อย่าหาว่าไปโจมตีใคร ไม่ได้โจมตี ท่านรู้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นตนก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เชื่อใจตนหรือไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะนั้น ประชาชนตอบนายกฯทันทีว่า”เชื่อใจ” นายกฯจึงกล่าวตอบว่า”เชื่อจริงๆนะ อย่าหลอกนะ รักน้อยๆรักนานๆรักมากเดี๋ยวหายหมด”จากนั้นนายกฯได้ปล่อยพันธุ์ปลา และปลูกต้นพะยอม โดยชวนประชาชนพร้อมกล่าวติดตลกว่า “เดี๋ยวไปช่วยกันปล่อยปลา แต่จะรอดกี่ตัวก็ยังไม่รู้นะ”