วันที่ 14 ธ.ค.60 นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีข้อมติของที่ประชุมคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปฯที่จะยอมติดต่อกับไทยหลังจากที่หยุดไปหลังการรัฐประหารนั้น ตนเห็นว่ามีความพยายามที่จะตีปี๊บว่ามีการฟื้นความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปแล้ว ซึ่งคลาดเคลื่อนจากความจริง เนื่องจากข้อเรียกร้องของสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มคือจะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ทางการเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนเงื่อนไขเดิมๆยังไม่เปลี่ยนแปลงคือจะลงนามในกรอบข้อตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ และลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA) กับประเทศไทยผ่านรัฐบาลพลเรือนที่ได้รับการเลือกตั้ง ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่เลือกตั้งก็ยังไม่มีการลงนาม ตนเห็นว่าถ้าไทยสามารถทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปได้สำเร็จ จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนไทยและสินค้าจากประเทศไทยนับแสนล้าน เพื่อนบ้านเช่นเวียดนามได้ลงนามเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปไปเมื่อปีที่แล้ว นายนพดล กล่าวต่อว่าที่สหภาพยุโรปยอมที่จะติดต่อทางการเมืองกับไทยนั้นก็เพื่อเจรจาในประเด็นต่างๆที่เขากังวลและเรียกร้องให้ไทยดำเนินการเช่น การยกเลิกข้อห้ามเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง การเลือกตั้ง การมีรัฐบาลพลเรือน สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ข้อมติจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ผู้เกี่ยวข้องอย่าพึ่งไปตีปี๊บในทำนองว่าสหภาพยุโรปฟื้นความสัมพันธ์กับไทยแล้ว เนื่องจากข้อมติที่ 12 ระบุว่าคณะมนตรีสหภาพยุโรปฯย้ำว่าจะยังคงพิจารณาทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศไทยต่อไป โดยผูกโยงกับประเด็นดังกล่าวข้างต้น วงการทูตเข้าใจได้เลยว่านั่นคือการกำหนดเงื่อนไขให้ไทยปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การฟื้นความสัมพันธ์ให้กลับไปสู่ระดับปกติ “หลายประเด็นที่สหภาพยุโรปหยิบยกนั้นเป็นประโยชน์ ตนหวังว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการเพื่อคนไทย โดยไม่ต้องรอให้ต่างประเทศมาเรียกร้องให้ดำเนินการ”