พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, พล.ต.ต. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ปป) และ พล.ต.ต. ชูฉัตร ธารีฉัตร ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับ ทท., ปคม., ภ.2, TICAC, กอ.รมน.สืบสวนสอบสวนกรณีหญิงชาวยูกันดาตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์โดยชาวยูกันดาด้วยกันเอง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.60 ร่วมกันเข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง ภายใน ซ.ปรีดีพระนมยงค์ 42 แขวงคลองเตยเหนือ เขตคลองตัน กทม.ซึ่งสืบทราบว่าเป็นที่หลบซ่อนตัวของ น.ส.เบลินดา นามูลี(Belindha Namuli) อายุ 34 ปี สัญชาติยูกันดา ซึ่งเป็นนักค้ามนุษย์ชาวยูกันดาด้วยกันเอง โดยศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับที่ 530/2560 ลง 26 ธ.ค.2560 กล่าวหาว่า “ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป สมคบกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือ ส่งไปที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่หลอกลวง ใช้อำนาจมิชอบและได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน” พร้อมตรวจยึดของกลางที่เป็นหลักฐานในการกระทำผิดได้หลายรายการ พร้อมแสดงหมายจับให้ น.ส.เบลินดา นามูลี ทราบ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง จึงได้จับกุมตัวนำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบหญิงชาวยูกันดาอยู่ภายในห้องดังกล่าวด้วยอีก จำนวน 5 คน จึงมาสอบถามคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์โดย จนท.พม. และ พงส. เบื้องต้น ยังไม่เข้าข่ายเป็นเหยื่อแห่งการค้ามนุษย์ จากการสัมภาษณ์คัดแยกเหยื่อทราบว่า มีหญิงชาวยูกันดาอีกจำนวนหลายคนพักอาศัยอยู่ในคอนโดมีเนียมย่าน RCA ซึ่งอาจเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ จนท.จึงได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ พบหญิงชาวยูกันดาอีกจำนวน 25 คน จึงทำการสัมภาษณ์คัดแยก ณ สตม.โดย จนท.จาก พม.และ พงส.สตม. ผลการสัมภาษณ์ไม่พบว่ามีผู้ใดเข่าข่ายเป็นเหยื่อแห่งการค้ามนุษย์ จึงทำประวัติแล้วปล่อยตัวไป พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมกระทำผิดขบวนการค้ามนุษย์อีกคนชื่อ นายโมเสส มูโซกิ (Mr.MOSES MUSOKE) อายุ 27 ปี สัญชาติยูกันดา ซึ่งศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับที่ จ531/2560 ลง 26 ธ.ค.2560 ในข้อกล่าวหาเดียวกัน จากการสืบสวนพบว่าได้แจ้งที่พักอาศัยไว้ที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี บก.สส.สตม.พร้อมด้วย ตม.จว.ปทุมธานี เดินทางไปตรวจสอบนายโมเสส มูโซกิ จึงแสดงหมายจับ โดยนายโมเสส มูโซกิ ยอมรับเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง จึงได้จับกุมตัวส่ง พงส.สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีต่อไป รายที่สอง เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2560 บก.สส.สตม.จับกุม น.ส.นารีรัตน์ มุดขุนทด หรืออัง อายุ 32 ปี สัญชาติไทย และน.ส.รัตน์ตนาพร แจ่มใส หรือ หมวย อายุ 32 ปี สัญชาติไทย ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาที่ ๑๖๘๘/๒๕๖๐ และ ที่ 1698/2560 ลง 19 ธ.ค.2560 ข้อหา "สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์, ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด” โดยกรณีนี้เป็นหมายจับคดีค้ามนุษย์เหตุเกิดเมื่อประมาณเดือน ก.ย.2559 ซึ่ง สตม.ได้ร่วมกับ พม., กต.เข้าช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกลวงให้ไปค้าประเวณีที่ประเทศโอมานกลับมายังประเทศไทย และได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งทราบตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งทำหน้าที่ชักชวนเหยื่อให้ไปทำงานนวดแผนโบราณ มีรายได้ดี และออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน แต่เมื่อไปถึงประเทศโอมาน กลับถูกบังคับให้ค้าประเวณีแทน โดยขมขู่ว่าถ้าไม่ทำก็ต้องชดใช้หนี้ค่าใช้จ่ายที่เดินทางมายังประเทศโอมานจำนวนหลายล้านบาท ซึ่งทำให้เหยื่อหวาดกลัวจำจนยอมค้าประเวณี จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทยดังกล่าว โดย สตม.ได้ทำการสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด จนสามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ซึ่งศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว จึงได้ติดตามจนจับกุมได้ดังกล่าว สถานที่จับกุมบริเวณร้านอาหารในเขต ต.พัทยา อ.บางละมุง จว.ชลบุรี นำตัวส่ง พงส.บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินคดีต่อไป และจากนี้จะได้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีต่อไป รายที่สาม เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2560 จนท.บก.ตม.2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ได้ร่วมกับ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, กก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ และ ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ทอท.จับกุมนายอกาวัล ประชันท์ (Mr.AGARWAL PRASHANT) อายุ 42 ปี สัญชาติอินเดีย ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาล จว.สมุทรปราการ ที่ 1062/2560 ลง 27ธ.ค.2560 ข้อหา “ลักทรัพย์ในท่าอากาศยานหรือรับของโจร เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พร้อมด้วยของกลาง เงินสดธนบัตรไทย 12,300 บาท ธนบัตรสหรัฐอมเริกา 377 ดอลลาร์สหรัฐ บัตรเครดิตของผู้เสียหาย และอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยพฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 25ธ.ค.2560 ผู้เสียหายได้เข้าช่องตรวจสิ่งของภายในสนาบินสุวรรณภูมิ โดยได้วางสิ่งของเพื่อผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์และหลังจากผ่านเครื่องแล้วได้ลืมเก็บกระเป๋าเงินสีดำซึ่งภายในมีเงินสด 25,000 บาทและบัตรเครดิตต่างๆ โดยมีนายอกาวัล ประชันท์ เดินทางผ่านช่องตรวจต่อจากผู้เสียหาย เมื่อ นายอกาวัล ประชันท์ สังเกตเห็นผู้เสียหายลืมกระเป๋าเงินไว้ จึงได้ทำทีเป็นของตนเองแล้วหยิบกระเป๋าเงินของผู้เสียหายไป จากนั้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้กับ พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนท.กก.สืบสวนปราบปราม บก.ตม.2 จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนทราบว่านายอกาวัล ประชันท์ เป็นผู้ลักกระเป๋าเงินไป พงส.จึงได้ขออนุมัติหมายจับ และร่วมกันสืบสวนจนทราบว่า นายอกาวัล ประชันท์ จะเดินทางด้วยเครื่องบินมายังท่าอากาศยานสุรรรณภูมิจากเกาะสมุย จึงได้ร่วมกันจับกุมตัวได้ดังกล่าว นำตัวส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศไทย ตลอดจนบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีการกระทำความผิดมาพำนักอยู่ในประเทศไทย เป็นภัยต่อความมั่นคงและชื่อเสียงของประเทศชาติ โดยสั่งการให้ดำเนินคดีถึงที่สุด หรือดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร หากพบว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อเป็นการสร้างพื้นฐานความร่วมมือต่างตอบแทนระหว่างกัน ในการติดตามจับกุมคนร้ายหนีคดีระหว่างประเทศ สำหรับการแถลงข่าวนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะชน และขอฝากให้ประชาชนช่วยสังเกตชาวต่างชาติที่มาพักอาศัยใกล้บ้านเรือนท่านหากพบพฤติกรรมไม่เหมือนนักท่องเที่ยวหรือไม่มีงานทำแน่นอน หรือน่าสงสัย ขอให้แจ้งข้อมูลสายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178 หรือ www.immigration.go.th