หมายเรียก นักร้องเพลงร็อค ชื่อดัง "เสก โลโซ" หลังยิงปืนขึ้นฟ้า "วัดหน้าพระบรมธาตุ" จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุด ตร.เตรียมขอศาลออกหมายจับแล้ว ผบ.ตร.ลั่นห้ามมีอีก หลังจากโลกออนไลน์ มีการเผยแพร่คลิปของ นายเสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ นักร้องเพลงร็อค ชื่อดัง ยิงปืนขึ้นฟ้า 10 นัด ที่บริเวณพระบรมรูป สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดหน้าพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ถึงความไม่เหมาะสม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปทางด้าน พ.ต.อ.ทักษิณ โภชากรณ์ ผู้กำกับการ สภ.พรหมคีรี ระบุว่า ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล และขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ขณะที่ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กรณีของ "เสก โลโซ" หากมีหลักฐานชัดเจนว่า มีการยิงปืนดังกล่าวตามที่ปรากฎเป็นข่าวจริง ต้องมีการออกหมายเรียกเชิญตัวมาสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะหากมีการยิงปืนขึ้นฟ้า ถือว่า เป็นเหตุไม่สมควร และต้องดูว่า มีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน และอาวุธปืนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่การที่จะยิงปืนขึ้นฟ้าความจริงแล้วทำไม่ได้ ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าเจ้าพนักงาน จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และจะต้องมีการสอบพยานแวดล้อม เพื่อดำเนินการเชิญตัวผู้ที่ยิงปืนมาให้การกับเจ้าหน้าที่ต่อไป ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีคลิปที่ปรากฎในโลกโซเชียลมีเดีย นักร้องชื่อดัง เสก โลโซ ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าหลายนัด ว่า ได้รับรายงานจากตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า ได้ทำการพิสูจน์ทราบ พบเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 60 เวลาประมาณ 01.00 น. ภายในเขตวัดขุนเขาพนม จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากเล่นคอนเสิร์ตเสร็จ เสก โลโซ ได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้ากว่า 10 นัด ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สภ.พรหมคีรี ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ดำเนินคดีแล้ว โดยทำการสอบสวนปากคำพยาน ไปจำนวนหลายปาก และความผิดปรากฎตามคลิปอย่างชัดเจน โดยในวันนี้ (30 ธ.ค.60) พงส.จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ ในข้อหา มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป รอง โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวเเล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยไม่ว่าจะผู้กระทำผิดจะเป็นผู้ใดก็เเล้วเเต่ ต้องได้รับโทษตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ท่าน ผบ.ตร. ได้กำชับเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ป้องกันห้ามมิให้เกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้อีก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นอันตรายต่อผู้อื่นหรือประชาชนทั่วไป