รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจจุดบริการเขาพลึง จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 61 จุดเสี่ยงทั่วประเทศ เน้นการตรวจจับความเร็ว สาเหตุหลักของการตกเขาตลอดระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดบริการทั่วไทย ที่บริเวณเขาพลึง ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ในโอกาสตรวจราชการโครงข่ายคมนาคมขนส่งพื้นที่จังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ สิงห์บุรี และอ่างทอง โดยมี พ.อ.ประสิทธิพงศ์ มูลดี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการมวลชน มณฑลทหารบกที่ 35 หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ นางสาวพัทธิยะ ศรีเนตร ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 ขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการประชาชน ให้การต้อนรับ พร้อมสรุปมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 และความคืบหน้าการดำเนินงานติดตั้งป้ายตรวจจับความเร็วบริเวณเขาพลึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า บริเวณเขาพลึง เป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสำคัญของประเทศ โดยเกิดอุบัติเหตุหมู่ขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และเป็นต้นแบบการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนจุดเสี่ยง มีระยะทางต้องเฝ้าระวังยาวกว่า 30 กิโลเมตร ซึ่งมีการปรับเพิ่มหลายมาตรการ เช่น การเพิ่มป้ายชะลอความเร็วทั้ง 2 ฝั่งถนน ติดตั้งไฟวับวาบตลอดแนวแบริเออร์ ทาสีถนนกันลื่น หรือ Anti skid ส่วนภาพรวมทั้งประเทศ กระทรวงคมนาคมได้กำหนดจุดเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 61 สายทาง โดยพิจารณาจากประวัติการเกิดอุบัติเหตุปี 2560 และย้อนหลัง 3 ปี รวมทั้งมีประชาชนใช้สัญจรหนาแน่น ซึ่ง 3 วันแรกของ 7 วันระวังอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2561 ทั้ง 61 เส้นทาง มีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเกิดขึ้น 2 ครั้ง เป็นรถจักรยานยนต์เมาแล้วขับ ล้มเอง ไม่มีคู่กรณี ดังนั้น จะต้องให้ความสำคัญกับการรณรงค์เรื่องพฤติกรรมการขับขี่ของประชาชนด้วย “สำหรับจังหวัดอุตรดิตถ์นั้นทาง ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหาร ก็คอยรณรงค์และเฝ้าระวังพฤติกรรมการขับขี่ในชุมชนกันอย่างเต็มที่ และสิ่งที่เน้นในปีนี้ซึ่งมีความสำคัญและถูกจุดคือ การเข้มงวดตรวจจับความเร็ว นอกจากนี้ ขอความร่วมมือผู้ขับขี่ให้เปิดไฟหน้าเวลากลางวันด้วย ซึ่งจากประสบการณ์หลายในหลายประเทศพบว่าสามารถลดอุบัติเหตุได้ถึงร้อยละ 30” นายอาคม กล่าว