สกลนคร ลูกหลานขอที่ดินคืนหลังพ่อบริจาคให้หลวงนานกว่า 60 ปี ให้ 9 ไร่เกิน 1 ไร่เศษ
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2568 นายขจรศักดิ์ เบ็ญชัย ทนายความ นำ น.ส.ธันยานันท์ แสนสัมโรง อายุ 50 ปี 1474/4 ถนนสุขสวัสดิ์ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ผวจ.สกลนคร ขอคืนที่ดินส่วนที่เหลือจาการบริจาคให้เทศบาลนครสกลนครเพื่อทำถนนโดย อ้างถึง บันทึกการประชุมคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ส่วนจังหวัสกลนคร ครั้งที่ 1 / 2538 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2538 ที่ศาลากลางจังหวัดสกลนคร เดิมที่ดินที่ขอคืน มีหลักฐานเป็น ส.ค.1 เลขที่ 942 ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร เนื้อที่ ประมาณ 1 ไร่กว่า เป็นที่ดินของนายสมบูรณ์ แสนสัมโรง ซึ่งได้ยกให้แก่นายมนูญ แสนสัมโรง บิดาของนายมนูญ แสนสัมโรง ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตแล้วทั้งคู่
โดยนายมนูญ แสนสัมโรง เป็นบิดาของนางสาวธันยานันท์ แสนสัมโรง และนายมนูญ แสนสัมโรง ก็ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่ น.ส.ธันยานันท์ แสนสัมโรง ผู้ร้องขอคืนที่ดินที่ดินพิพาทดังกล่าวมีเอกสารการยกที่ดินให้ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2503 นายสมบูรณ์ แสนสัมโรง ได้ยกที่ดินให้เทศบาลนครสกลนครเพื่อ ขยายถนนมีความยาว 5 เส้น 13 วา ตลอดแนวเขด ที่ดินทางด้านทิศได้ กว้าง 7 เมตร โค้งไปดามรูปของที่ดินที่ขายให้แก่นางนาค ที่ดินพิพาทนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เหลือจากที่ดิน 9 เมตร ที่นายสมบูรณ์ แสนสัมโรง ยกให้แล้ว ปรากฏตามสำเนาบันทึกยกที่ดินให้เทศบาลเอกสารท้ายคำร้อง เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2515 นายกเทศมนดรีเมืองสกลนครได้แจ้งให้นายสมบูรณ์ แสนสัมโรง ว่าที่ดินพิพาทดังกล่าว ทางเทศบาลสกลนครยังขอสงวนไว้ใช้ประโยชน์เพื่อถนนก่อน ปรากฏตามสำเนาบันทึกแจ้งให้เจ้าของที่ดินทราบเอกสารท้ายคำร้อง
ปัจจุบัน น.ส.ธันยานันท์ แสนสัมโรง เป็นผู้ครอบครองที่ดินสืบทอดต่อมาจากบิดาคือนายมนูญ แสนสำโรง โดยไช้ประโยชน์ในที่ดินโดยการปลูกบ้านเป็นที่อยู่อาศัยและเปิดเป็นร้านขายอาหารให้แก่บุคลทั่วไป โดยแสดงการครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินเพื่อตนเองเรื่อยมา ไม่ได้ใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์สาธารณะแต่อย่างใดและไม่มีบุคคลใด มารบกวนการครอบครอง เมื่อพิจารณาจากมติที่ประชุมของ กปร.จังหวัดสกลนคร ครั้งที่ 1/2538 จึงเห็นควรคืนที่ดินพิพาทให้แก่นายมนูญ แสนสัมโรง บิดาของตน และประธานในที่ประชุม ก็ได้สรุปว่าเป็นอันว่าทางเจ้าของไม่ติดใจตอนนี้ จะคืนให้โดยวิธีใดเท่านั้น ทางเราเมื่อได้ข้อเท็จจริงอย่างนี้ ก็ไม่ติดใจเช่นกัน เพราะประโยชน์ในที่ดินเราได้ใช้ไปแล้ว ส่วนที่เหลือให้คืนเจ้าของไปส่วนจะขอคืนโดยวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับการยกให้ กปร.ส่วนจังหวัดจะไม่ยุ่งเกี่ยว เป็นอันว่าเห็นชอบด้วย ส่วนจะคืนโดยวิธีใด ขอให้คืนให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่ได้มีการประชุมดังกล่าวมา ปัจจุบัน บิดาตนและตนยังไม่ได้รับคำตอบจากเทศบาลนครสกลนครว่าจะคืนที่ดินให้แก่ข้าฯปรากฏตามสำเนาบันทึกการประชุมของคณะกรรมการ กปร.ส่วนจังหวัด ครั้งที่ 3 /2536 และบันทึกการประชุมคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน ของรัฐส่วนจังหวัดสกลนคร (กปร.สกลนคร) ครั้งที่ 1 /2538
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2567 ทางเทศบาลนครสกลนครได้ออกมารังวัดที่ดินพิพาทและแจ้งแก่ตนว่าจะรังวัดทำแผนที่เป็นที่ดิน สาธารณะประโยชน์ของทางเทศบาลฯ ซึ่งตนได้คิดค้านการรังวัดดังกล่าวแล้ว ปรากฏดามสำเนาคัดค้านการรังวัดเอกสารแนบมาด้วย ที่ผ่านมาตนและบิดาตนได้พยายามที่จะดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินหลายครั้ง หลายหนแล้ว แต่เจ้าพนักงานที่ดินก็ไม่ดำเนินการให้ และตนได้เคยยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาล เพื่อให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกจาก(ส.ค.1) เลขที่ 952 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำพิพากษารับรองว่า ที่ดินพิพาทดังกล่าวให้ตนเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์
และเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ตนได้ไปยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดิน ซึ่ง เจ้าพนักงานได้แนะนำให้ตน ได้มายื่นคำร้องเรียนต่อ ผวจ.สกลนคร เพื่อให้ได้มีการสอบสวนและมีคำสั่งให้เทศบาลนครสกลนครคืนที่ดิน พิพาทให้แก่ตน เมื่อตนได้รับการคืนที่ดินจากทางเทศบาลแล้ว สำนักงานที่ดินจังหวัดลกลนดร จึงจะดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้ตามที่ขอ ปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาศาลจังหวัดสกลนคร และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 จึงขอให้ได้โปรดดำเนินการมีคำสั่งให้ทางเทศบาลนครสกสนครได้คืนที่ดินให้แก่ตนและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในที่ดินของตนและให้สำนักงานที่ดินจังหวัดสกลนครรับคำขอออกโฉนดที่ดินของตนต่อไป