ศน.จัดประชุมเชิงปฏิบัติการติดตามแผนส่งเสริมคุณธรรมฯ ภาคกลาง เสริมพลังคุณธรรม สร้างสังคมไทยใสสะอาด
30 มิ.ย. 68 กรมการศาสนา(ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามผลการขับเคลื่อน แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภาคกลาง ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายคุณธรรมในพื้นที่ภาคกลาง รวมถึงเป็นเวทีติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานและจังหวัดในการขับเคลื่อนแผนส่งเสริมคุณธรรมตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนด โดยมี นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธาน พร้อมด้วย นายธีรศักดิ์ โฉมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน), คณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ, วัฒนธรรมจังหวัดจาก 20 จังหวัดภาคกลาง และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้มุ่งเน้น การติดตามผลการดำเนินงาน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ การต่อยอดแนวทางการส่งเสริมคุณธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 13 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการวางรากฐานพฤติกรรม นอกจากนี้ยังกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นต้นแบบแห่งความดีจาก “คนดีศรีจังหวัด” และเครือข่ายคุณธรรมต้นแบบระดับชุมชน อำเภอ และจังหวัด ซึ่งล้วนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้เกิดวัฒนธรรมการทำความดีอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้ภายในงานยังจัดแสดง นิทรรศการเผยแพร่ผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม และ สาธิตผลิตภัณฑ์จากชุมชนคุณธรรมต้นแบบ รวมจำนวน 10 บูธ ภายใต้แนวคิด “ความดีที่สัมผัสได้” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการบูรณาการหลักคุณธรรมเข้ากับเศรษฐกิจชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้กรมการศาสนาเตรียมจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในภูมิภาคอื่นๆ ต่อเนื่อง เพื่อขยายผลการส่งเสริมคุณธรรมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ วันที่ 22 – 23 กรกฎาคม 2568 ณ จังหวัดน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 31 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2568 ณ จังหวัดนครพนม และภาคใต้ วันที่ 7 – 8 สิงหาคม 2568 ณ จังหวัดตรัง การขับเคลื่อนแผนส่งเสริมคุณธรรมในระดับพื้นที่ถือเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ “สังคมคุณธรรม” กลายเป็นรูปธรรมที่สัมผัสได้จริง และส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืนในมิติของคุณธรรม