วันที่ 8 ก.ค.68 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ในส่วนที่ค้างชำระว่า ตามที่คณะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บางส่วน) มีข้อเสนอต่อฝ่ายบริหารว่า ควรเจรจากับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เพื่อหาข้อยุติ โดยขอต่อรองการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย และพิจารณาเร่งรัดชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ในส่วนที่ค้างชำระเมื่อได้ข้อยุติ รวมถึงค่าจ้างฯ ในอนาคต ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น
ที่ผ่านมา บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด มีการเจรจากับบีทีเอสซีตามข้อเสนอดังกล่าวไปแล้ว แต่ยังไม่มีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น โดยหนี้ส่วนค้างชำระดังกล่าว มีประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 1.ในส่วนต่อขยายที่ 1 แม้ว่ามีการทำสัญญาและดำเนินการกันมานานแล้ว แต่มีการชี้มูลความผิดทั้งเจ้าหน้าที่และบริษัทเอกชนจาก ป.ป.ช ดังนั้น จึงต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่า เมื่อมีการชี้มูลอย่างนี้ การชำระหนี้จะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ กทม.จึงสอบถามไปยัง ป.ป.ช ว่ากรณีการชี้มูลอย่างนี้ สามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ ปัจจุบันยังไม่ได้รับคำตอบ
2.ในส่วนต่อขยายที่ 2 การทำสัญญาเกิดขึ้นโดยไม่ผ่านการพิจารณาจากสภา กทม. โดยปกติการทำสัญญาต่อเนื่องลักษณะนี้ ต้องผ่านสภา กทม.พิจารณา ดังนั้น กทม.จึงพยายามนำสัญญาที่เกิดขึ้นเข้าสภา กทม.เพื่อพิจารณาตามกระบวนการ แต่ก่อนจะนำสัญญาดังกล่าวเข้าสภา กทม. ต้องทบทวนรายละเอียดสัญญาให้แน่ชัดก่อน เช่น สัญญากำหนดให้เพิ่มค่าจ้าง 3% ทุกปี ตามอัตราเงินเฟ้อเท่ากันตลอดทุกปี ทำให้ค่าจ้างสูง จึงมีแนวคิดทบทวนปรับตัวเลขให้ตรงตามสภาพความเป็นจริง ซึ่งอาจจะสูงหรือต่ำกว่า 3% ก็ได้ ทั้งนี้ เพื่ออธิบายต่อสภา กทม. ได้ชัดเจนตามตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง โดยผลการเจรจากับบีทีเอสซีและรายละเอียดที่เกิดขึ้น กทม.จะรายงานต่อสภา กทม. เพื่อหาทางดำเนินการต่อไป
"ต้องดูสัญญาส่วนต่อขยายที่ 2 ให้รอบคอบก่อนนำเข้าสภา กทม. เห็นชอบ เพราะเราไม่สามารถรับผิดชอบสิ่งที่คนอื่นทำมาในอดีตได้ เราเห็นใจเอกชน ในส่วนที่จ่ายได้เราก็จ่ายไป ขณะเดียวกันเราต้องดูให้รอบคอบด้วย เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ส่วนเรื่องที่อยู่ในการพิจารณาของศาล ยังไม่สิ้นสุด ยังมีโอกาสยื่นข้อมูลเพิ่มเติมได้" นายชัชชาติ กล่าว
ด้านนายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บางส่วน) กล่าวว่า ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ส่วนที่ยังไม่ได้ชำระ ได้แก่ ช่วงฟ้องครั้งที่ 2 เดือน มิ.ย.64-ต.ค.65 กทม. จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ เป็นเงิน 12,245 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยาย 1 เงินต้น 2,279 ล้านบาท ดอกเบี้ย 501 ล้านบาท รวม 2,780 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย 2 เงินต้น 7,848 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1,617 ล้านบาท รวม 9,465 ล้านบาท
และช่วงหลังฟ้องครั้งที่ 2 เดือน พ.ย.65 ถึงเดือนธ.ค.67 กทม. จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ เป็นเงิน 17,121 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยาย 1 เงินต้น 3,242 ล้านบาท ดอกเบี้ย 275 ล้านบาท รวม 3,516 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย 2 เงินต้น 12,615 ล้านบาท ดอกเบี้ย 990 ล้านบาท รวม 13,605 ล้านบาท
และจากประมาณการค่าจ้างเดินรถ ปี 2568 (เดือนม.ค.68 ถึงเดือน ธ.ค.68) จะต้องชำระค่าจ้างเดินรถ 8,761 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,612 ล้านบาท ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 6,149 ล้านบาท โดยทั้ง 2 ส่วนมีภาระดอกเบี้ยถึงวันละประมาณ 5,400,000 บาท
โดยในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.68) ในการประชุมสภา กทม. ตนได้ยื่นญัตติ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครรายงานความคืบหน้าการดำเนินการชำระหนี้ ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในส่วนที่ค้างชำระ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะประเด็นชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. ซึ่งอาจไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ รวมถึงเรื่องลดดอกเบี้ยที่ผ่านมาบีทีเอสซียึดตามสัญญาเดิม ส่วนดอกเบี้ยในอนาคต อาจร่วมกันหาทางออกได้ ส่วนเรื่องสัญญาส่วนต่อขยายที่ 2 หากผู้ว่าฯกทม. เห็นว่าควรนำเข้าสภา กทม.พิจารณาก็เห็นควรให้เสนอต่อสภา กทม. จะได้เกิดความชัดเจนมากขึ้น