สถานการณ์ทางการเมืองไทยในช่วงกลางปี 2568 เข้าสู่โหมดอ่อนไหวและเปราะบางอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากกรณี "คลิปเสียงฮุน เซน" หลุดออกมาสู่สาธารณะ จนกลายเป็นชนวนหลักให้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าขัดต่อจริยธรรมหรือไม่

ขณะที่กระแสอีกด้านก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ แต่ทรงพลัง เมื่อมีการพูดถึง “การคืนชีพทางการเมือง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งวางมือไปไม่นาน

มีความเป็นไปได้เพียงไร ต่อ“สองกระแส” ที่อาจกลายเป็นเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสมการอำนาจของการเมืองไทย

แพทองธารจะ "ลาออก" ก่อนศาลวินิจฉัย?

หากน.ส.แพทองธารเลือกลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถือเป็นกลยุทธ์ “ตัดตอนความเสียหาย” ที่ใช้ได้ผลในทางจิตวิทยาและการเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะหากมีแนวโน้มว่าคำวินิจฉัยจะเป็นลบ การชิงลาออกอาจทำให้พรรคเพื่อไทยยังคงควบคุมอำนาจในระดับหนึ่ง และหลีกเลี่ยง “มลทินถาวร” ต่อชื่อเสียงของน.ส.แพทองธารในฐานะผู้นำรุ่นใหม่

ที่สำคัญ การลาออกของน.ส.แพทองธารยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นโอกาสสร้าง "ภาพลักษณ์เสียสละเพื่อชาติ" และพลิกเกมการเมืองในอนาคตหากประชาชนเห็นใจ และโทษ “ระบบ” มากกว่า “ตัวบุคคล”

อย่างไรก็ตาม การลาออกก่อนคำวินิจฉัยอาจถูกตีความว่า “ยอมรับโดยปริยายว่ามีความผิด” ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง และอาจกลายเป็นการเปิดทางให้พรรคอื่นเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากฝ่ายรัฐบาลเอง หรือแม้แต่จากฝ่ายค้านในกรณีเกิดการเปลี่ยนขั้ว

อีกประเด็นหนึ่งคือภายในพรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่มีความเป็นเอกภาพว่าควรดึงใครขึ้นมาแทนน.ส.แพทองธาร หากเธอลาออก ท่ามกลางการจับตามองของหลายฝ่ายต่อ “ชื่อใหม่” อย่างนายชัยเกษม นิติสิริ ที่อาจต้องเจอกับแรงต้านหนักจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม เพราะเคยเกี่ยวข้องกับการเสนอแก้ ม.112

ประยุทธ์จะ "กลับมา"? อารมณ์ทางการเมืองในห้องลับ

ทำไมชื่อ "พล.อ.ประยุทธ์" ยังถูกพูดถึงเสมอ?

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะประกาศวางมือทางการเมืองหลังพ้นตำแหน่งนายกฯ และถูกมองว่าเข้าสู่โหมดเกษียณอย่างเต็มรูปแบบ แต่ภายในแวดวงการเมือง กระแสการ “ฟื้นคืนกระดานอำนาจ” ของพล.อ.ประยุทธ์ กลับดังขึ้นเรื่อย ๆ หลังรัฐบาลน.ส.แพทองธารเจอวิกฤติศรัทธา ทั้งจากประชาชน ฝ่ายค้าน ส.ว. และแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลเอง

ความได้เปรียบของ “บิ๊กตู่” คือภาพลักษณ์ “ทหารจอมระเบียบ” ที่แม้จะมีคำวิจารณ์มากมาย แต่ก็ยังถูกมองว่า “เอาอยู่” ในยามวิกฤติ และสามารถคุมอำนาจรัฐราชการ-ทหารได้ดี ตรงข้ามกับภาพของรัฐบาลน.ส.แพทองธารที่ถูกโจมตีว่าอ่อนแอทั้งการบริหารและการเมือง

อีกทั้ง การกลับมาของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอำนาจเดิม ส.ว. และกลุ่มทุนบางส่วนที่ไม่มั่นใจกับการนำของน.ส.แพทองธารหรือพรรคเพื่อไทยในยุคปัจจุบัน

แต่หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงแล้ว การกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย อาจกระตุ้นให้เกิด “แรงต้าน” มากกว่า “แรงหนุน” ในกลุ่มประชาชนทั่วไป

กระนั้น ทุกความเป็นไปได้ล้วนขึ้นอยู่กับ “จังหวะ” และ “พลังต่อรอง” ของแต่ละขั้วอย่างละเอียดอ่อน

เกมอำนาจยังเปิด ความเป็นไปได้มีมากกว่าหนึ่ง

การเมืองไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ไม่มีสิ่งใดแน่นอน การที่ น.ส.แพทองธารอาจชิงลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นเพียง “หนึ่งในกลยุทธ์ที่พอเป็นไปได้” ส่วนการคัมแบ็กของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังอยู่ในระดับ "ข่าวลือเชิงยุทธศาสตร์" มากกว่าจะเกิดขึ้นจริงในระยะสั้น

ทว่า สิ่งที่แน่นอนคือรัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤติศรัทธา เสียงประชาชนดังขึ้นทุกวัน และหากไม่มีการเคลื่อนไหวที่เฉียบขาดจากฝ่ายบริหาร พรรคเพื่อไทยอาจเสียทั้งรัฐบาล และหัวใจประชาชนในเวลาเดียวกัน

การเมืองไทยอาจยังไม่ถึงจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่ แต่แรงสะเทือนครั้งนี้ ไม่อาจมองข้ามได้แม้แต่น้อย!

                                            

#แพทองธารลาออก #ประยุทธ์คัมแบ็ก #ศาลรัฐธรรมนูญ #คลิปฮุนเซน #วิเคราะห์การเมือง #รัฐบาลไทย2568 #เพื่อไทย #อนาคตการเมือง