เดือนสิงหาคม 2568 กำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมืองไทย เมื่อสามคดีใหญ่เดินขนานกัน ทั้งคดีถอดถอน แพทองธาร ชินวัตร, คดี ชั้น 14 ของ ทักษิณ ชินวัตร และคดี มาตรา 112 ที่ศาลอาจมีคำพิพากษาภายในเดือนเดียวกัน

นี่ไม่ใช่เพียง “การตัดสินคดี” แต่คือเดือนแห่งสิงหาสาหัส ที่อาจปิดฉากระบอบทักษิณอย่างถาวร

คดีถอดถอนแพทองธาร: ศาลรัฐธรรมนูญรอชี้ขาด

หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีของแพทองธารตั้งแต่ 1 กรกฎาคม พร้อมให้เวลายื่นคำชี้แจง 15 วัน คาดว่าเดือนสิงหาคมนี้จะเป็นช่วงที่ศาลประกาศคำวินิจฉัยชี้ขาด

หากผลออกมาเป็นลบ แพทองธารจะพ้นตำแหน่งทันที และรัฐบาลเพื่อไทยอาจเข้าสู่โหมดเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีกลางสมัย หรือแม้กระทั่งยุบสภา เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่

แรงสั่นสะเทือนจากคดีนี้เริ่มปรากฏชัด:

-พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคส่งสัญญาณถอนตัว หากศาลชี้ให้แพทองธารพ้นตำแหน่ง

-ข้าราชการระดับสูงใส่เกียร์ว่าง รอดูทิศทางการเมือง ทำให้ภาครัฐเริ่มชะงักงัน

ทุกสายตาจึงจับจ้องว่าศาลจะชี้ชะตาอย่างไร และใครจะเป็นนายกฯ ชั่วคราวคนใหม่ หากเกิดสุญญากาศทางการเมือง

คดีชั้น 14: จุดทลายความชอบธรรม

ขนานไปกับคดีถอดถอน คดี “ชั้น 14” ของทักษิณกำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้น ศาลฎีกานัดไต่สวนต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะปิดการไต่สวนได้ภายในเดือนสิงหาคม

คดีนี้ไม่ใช่เรื่องสุขภาพธรรมดา แต่เกี่ยวพันกับข้อสงสัยว่า ทักษิณได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังทั่วไป ในการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ หากศาลวินิจฉัยว่ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมจริง ผลกระทบจะรุนแรง:

1. ทักษิณอาจต้องกลับไปชดใช้โทษตามเดิม หรือถูกตัดสิทธิ์พิเศษทั้งหมด

2. เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการระดับสูง ที่เกี่ยวข้องอาจถูกดำเนินคดี

3. รัฐบาลเพื่อไทยจะถูกโจมตีหนัก เพราะคดีนี้จะถูกมองว่าเป็นตัวอย่างของการเอื้อประโยชน์ให้ตระกูลชินวัตร

เสียงสะท้อนทางสังคมชี้ชัดว่า นี่คือคดีที่เปิดโปง “ระบอบทักษิณ” อย่างแท้จริง เพราะมันสะท้อนถึงการใช้เครือข่ายอำนาจเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัว

คดี 112 ทักษิณ: คำพิพากษาที่เปลี่ยนเกมการเมือง

เดือนสิงหาคมยังต้องจับตาคดี มาตรา 112 ของทักษิณที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งมีรายงานข่าวว่าศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคมนี้

หากศาลตัดสินลงโทษจำคุก นี่จะเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี เพราะ:

1. ฝ่ายต้านระบอบทักษิณจะได้อาวุธทางการเมืองในการกดดันให้รัฐบาลเพื่อไทยลาออกหรือยุบสภา

2. ความชอบธรรมของเพื่อไทยจะถูกกัดกร่อนอย่างหนัก เพราะถูกมองว่าปกป้องผู้กระทำผิด

3. การเคลื่อนไหวบนท้องถนนอาจปะทุซ้ำรอยปี 2552–2553

สามคดีที่เดินขนานกันจึงทำให้สถานการณ์การเมืองไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และสร้างความหวาดหวั่นให้ทั้งประชาชนและนักลงทุน

สิงหาสาหัส: ระบอบทักษิณใกล้ถึงทางตัน?

เมื่อ คดีถอดถอนแพทองธาร, คดีชั้น 14 และคดี 112 เดินไปพร้อมกัน หลายฝ่ายมองว่านี่คือเดือนที่ระบอบทักษิณกำลังเข้าสู่จุดแตกหักอย่างแท้จริง

หากผลการพิจารณาทั้งหมดออกมาเป็นลบ จะเกิดผลตามมาทันที:

แพทองธารถูกถอดถอน รัฐบาลเพื่อไทยเปลี่ยนนายกฯ หรือยุบสภา

ทักษิณเผชิญคำพิพากษาหนัก อาจกลับเข้าเรือนจำหรือถูกจำกัดสิทธิ์ถาวร

พันธมิตรการเมืองทยอยถอนตัว เปิดทางเปลี่ยนขั้วรัฐบาล

ที่สำคัญที่สุดคือ “ระบอบทักษิณ” อาจพังทลายลงอย่างถาวร เพราะความชอบธรรมที่เคยเป็นเกราะกำบังทางการเมืองจะสลายหายไปในสายตาประชาชน

เดือนสิงหาคมนี้จึงไม่ใช่เพียง “เดือนตัดสินคดี” แต่คือ จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่อาจถูกจารึกว่า “ระบอบทักษิณพังทลายลงในที่สุด”

    

#สิงหาสาหัส #คดีถอดถอนแพทองธาร #คดีชั้น14 #คดี112ทักษิณ #ศาลรัฐธรรมนูญ #ระบอบทักษิณ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์การเมือง #การเมืองไทย #เพื่อไทย