มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผ่านเกณฑ์การประกันคุณภาพงานตรวจสอบภายในภาครัฐ ในระดับ “เป็นไปตามมาตรฐานระดับดี”ได้รับประกาศเกียรติคุณด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 จากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยรามคำแหง สมัครเข้าร่วมโครงการประกันคุณภาพงานตรวจสอบภายในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตามแนวทางที่ 2 (การประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบภายในทุกประเด็นการพิจารณาทั้ง 16 ประเด็น) โดยกรมบัญชีกลางได้มีเกณฑ์การประเมินองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ประกอบไปด้วย การบริหารด้านการเงินการคลัง 5 มิติ คือ มิติด้านการจัดซื้อจัดจ้าง มิติด้านการเบิกจ่าย มิติด้านการบัญชี มิติด้านการตรวจสอบภายใน และมิติด้านความรับผิดทางละเมิด ซึ่งองค์กรที่ผ่านเกณฑ์ทั้ง 5 ด้าน จะได้รับรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง และหากผ่านเกณฑ์เฉพาะด้านจะได้รับประกาศเกียรติคุณในด้านนั้นๆ ทั้งนี้ มีส่วนราชการระดับกรมและมหาวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 36 หน่วยงาน ได้รับรางวัล 21 หน่วยงาน โดยแยกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เป็นไปตามมาตรฐาน จำนวน 10 หน่วยงาน เป็นส่วนราชการ 8 หน่วยงาน มหาวิทยาลัย 2 หน่วยงาน และ เป็นไปตามมาตรฐานระดับดี จำนวน 11 หน่วยงาน เป็นส่วนราชการ 10 หน่วยงาน และมหาวิทยาลัย 1 หน่วยงาน คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับประกาศเกียรติคุณด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 อธิการบดี ม.ร. กล่าวต่อไปว่า “มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้คือ สำนักงานตรวจสอบภายใน ซึ่งควบคุมดูแลให้การบริหารงานตรวจสอบภายในของ ม.ร. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการจัดทำโครงการบริการให้คำปรึกษาการจัดทำรายงานเงินสำรองจ่ายเพื่อให้บริการการให้คำปรึกษาแก่หน่วยรับตรวจอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยและทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะเตรียมความพร้อมเพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังในมิติอื่นๆ อีก 4 มิติ เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยรามคำแหง ไปสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังและสอดคล้องกับการทำให้ ม.ร. เป็นองค์กรแห่งความโปร่งใสตามนโยบายของมหาวิทยาลัยในอนาคตด้วย”