“บิ๊กแก้ว” จี้ผู้ว่าฯ จับรถตู้โดยสารสาธารณะตจว.เข้าสถานีขนส่ง เดินหน้าจัดระเบียบ ขันน็อตป้องอุบัติเหตุ ก่อนสงกรานต์ ลั่นใช้โทษหนักกับคนฝ่าฝืนก.ม. เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.พล.ม. 2 รอ. ในฐานะประธานคณะทำงานจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะภายหลังเกิดอุบัติเหตุรถตู้โดยสารสาธารณะประสานงากับรถกระบะจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาว่า ผู้ที่รับผิดชอบหลักคือกระทรวงคมนาคม ในส่วนของทหารตนได้มอบหมายให้พ.อ.สุวิทย์ เกตุศรี รองผบ.พล.ม. 2 รอ. เป็นผู้รับผิดชอบหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มอบแนวทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว แต่ที่เกิดปัญหาคือในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้นสถานีขนส่งยังจัดระเบียบไม่เรียบร้อย โดยรถตู้โดยสารสาธารณะยังกระจัดกระจายระเกะระกะ ดังนั้นตนคิดว่าต่างจังหวัดต้องใช้แนวทางแบบเดียวกับกทม. คือรถโดยสารสาธารณะต้องอยู่ภายในสถานีขนส่ง ถ้าจังหวัดใดสถานีขนส่งยังไม่มีความพร้อมก็ต้องกำหนดจุดสถานีย่อย หรือสถานีชั่วคราวดำเนินการขึ้นทะเบียนหรือออกประกาศ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการขนส่งจังหวัดโดยตำแหน่ง ดังนั้นต้องเรียกขนส่งจังหวัดมาทำความเข้าใจ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารต้องช่วยกัน เมื่อมีเหตุการณ์อุบัติเหตุเกิดขึ้น เราต้องทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยจากนี้จะต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป “กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ต้องมาทำความเข้าใจและช่วยกันขันน็อต ไปดูว่าใครไม่เรียบร้อยตรงไหนอย่างไร จากนั้นกำหนดตาราง โดยให้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางไปตรวจสอบว่าเป็นไปตามที่ตกลงหรือไม่ และติดขัดปัญหาอย่างไร จากกรณีรถตู้โดยสารสาธารณะที่เกิดอุบัติเหตุที่จ.ชลบุรีนั้นรถที่เกิดเหตุก็เกิดจากเหตุผลนี้ เนื่องจากรถไม่ได้ออกจากสถานีขนส่ง เพราะถ้าออกจากสถานีขนส่งจะมีการตรวจความพร้อมของสภาพรถ ความปลอดภัยของรถ รวมถึงตรวจสภาพคนขับ และออกใบเวลาให้กับรถที่ถือเป็นตัวควบคุมเวลา อีกทั้งดูชั่วโมงของผู้ขับรถ ถ้าเกินก็ต้องเปลี่ยนคนขับ ซึ่งต่อไปนี้จะยอมไม่ได้แล้ว เพราะกระทบต่อชีวิตของประชาชน รวมถึงในอนาคตเจ้าของที่ให้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะควรเป็นรูปแบบนิติบุคคล ขณะเดียวกันในปี 62 นี้กรมการขนส่งทางบกก็จะเปลี่ยนมาใช้รถมินิบัสแทนรถตู้โดยสารสาธารณะ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทาง” พล.ต.เฉลิมชัย กล่าว เมื่อถามว่าจะนำเหตุการณ์จากอุบัติเหตุช่วงปีใหม่มาเป็นบทเรียนเพิ่มความเข้มข้นมาตรการในการดูแลปัญหาช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างไร พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า จะต้องเน้นประชาสัมพันธ์ รวมทั้งบังคับใช้กฎหมาย ถ้ายังไม่เข้าใจก็ต้องใช้รูปแบบการบังคับ เช่น หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกกันน็อคก็ต้องปรับโทษหนัก อีกทั้งต้องปรับพื้นฐานความคิดของคน เพราะหากเกิดเหตุก็จะเกิดความสูญเสียตามมา แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายเฉพาะ เพราะคิดว่ากฎหมายปกติสามารถดูแลได้