วันที่ 17 ก.พ. 60 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.ระบุถึงการออกคำสั่ง หัวหน้า คสช.5/2560 ว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจยังคงเป็นผู้รับผิดชอบหลักและใช้กฎหมายปกติเข้าดำเนินการตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกาย ส่วนทหารเพียงทำหน้าที่ผู้สนับสนุนอยู่รอบนอกเท่านั้น ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขา ธิการ คสช.ได้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด โดยยืนยันว่า การเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายไม่ใช่การกลั่นแกล้ง หรือ ต้องการทำลายศาสนา อย่างที่บางคนพยายามบิดเบือน ทั้งนี้เป็นเรื่องของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อาจกระทำผิดกฎหมายไปเกี่ยวโยงกับคดีของสหกรณ์เครดิตยูเนียน ที่เกิดความเสียหายมีประชาชน หรือ ผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง จนเป็นที่สนใจและต้องการความกระจ่างชัดจากสังคม ปัจจุบันจึงต้องอาศัยการพิสูจน์ผ่านการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นหลักสากล "โดยทั่วไปในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ถ้ามีเรื่องการกระทำความผิดหรือละเมิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ต้องสามารถเข้าไปดำเนินการไม่สามารถจะไปละเว้นหรือยกเว้นพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ สำหรับการขัดขวางหรือการปฏิเสธความร่วมมือใดๆ โดยเฉพาะมีสถานะเป็นพระสงฆ์ อาจทำให้สังคมสับสนต่ออาการและกริยาของผู้ครองสมณเพศ และคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการกระทำบางอย่างดูเกินเลยไปจากกรอบกิจทั่วไปของสงฆ์ ที่ผ่านมา สังคมส่วนใหญ่ เข้าใจว่าที่ยังไม่เป็นเรื่องในทางคดี เพราะอาจมีการช่วยเหลือจากบางกลุ่มบางบุคคล รวมทั้งพบว่ามักมีการปลุกระดมประชาชนให้มาเป็นกรอบป้องกันเพื่อไม่ให้มีการเข้าถึง แต่ในปัจจุบันหลายๆ กรณีเพื่อไขข้อสงสัยต่างให้สังคม ภาครัฐจำเป็นต้องใช้แนวทางของกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้มีการพิสูจน์และแก้ต่างกันไปตามกระบวนการ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นที่ยอมรับตามแนวทางของกฎกติกาสังคม"พันเอกวินธัย ระบุ พ.อ.วินธัย กล่าวขอให้มั่นใจว่าการดำเนินการ ของเจ้าหน้าที่รัฐต่อกรณีนี้ยังเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม หากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ถูกกล่าวหาและผู้สนับสนุนให้ความร่วมมือ และปฎิบัติตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ การพิสูจน์ความจริงผ่านกระบวนการยุติธรรมจะ เดินหน้าไปได้ และจะสามารถทำให้สังคมเกิดความกระจ่างในทุกด้าน