"นักวิชาการอิสระ" ซัด "เศรษฐา" ทำอะไรต้องคิดก่อนพูด อย่าหาเรื่องเข้าประเทศประเด็นโจมตีอิสราเอล

เมื่อวันที่ 8 ต.ค.66 นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pat Hemasuk ระบุว่า

ไม่พูดก็ไม่มีใครเขาบอกว่าเป็นใบ้หรอกครับ

ทำอะไรต้องคิดก่อนพูด เพราะเวลานี้คุณไม่ได้เป็น นาย ก. นาย ข.เหมือนเมื่อไม่กี่เดือนเดือนก่อนหน้านั้น แต่คุณคือนายกรัฐมนตรี

สิ่งนี้ไม่ใช่ และ อย่าคิดว่าการพูดส่วนตัวของ นายเศรษฐา ทวีสิน บนโซเชียลนะครับ แต่ในสายตาของคนนอกที่มองเข้ามา เขามองว่าเป็นการพูดในนามของประเทศ เพราะคุณคือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย การที่ไปประณามปฎิบัติการกองกำลังของรัฐปาเลสไตน์คือการหาเรื่องเข้าประเทศ เพราะเวลาที่ อิสราเอล เปิดศึกถล่ม ปาเลสไตน์ ก็รุนแรงไม่น้อยกว่ากันหรอกครับ ผมมองว่าอิสราเอลใช้ความรุนแรงมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งเครื่องบินรถถังเข้าถล่มในเขตฉนวนกาซา ในขณะที่กลุ่มกองกำลังของปาเลสไตน์ก็ไม่ได้ดูดีกว่ากว่านักรบรองเท้าแตะฮูทิของเยเมนสักเท่าไรเลย อาวุธและจรวดโฮมโปรทำเองหลังบ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ บางอย่างก็ขอมาจากอิหร่านกับซีเรียบ้าง และเป็นแบบนี้มาหลายสิบปีตั้งแต่ยุคของ นายยัสเซอร์ อาราฟัต และ นางโกลด้า แมร์ ที่ส่วนมากชาวปาเลสไตน์จะโดนอิสราเอลกระทำเสียมากกว่า เวลานี้ปาเลสไตน์เกือบจะไม่เหลือที่อยู่ที่อาศัยที่ทำกินแล้วจากการเข้ายึดครองพื้นที่ในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของกองกำลังทหารของอิสราเอล (Israeli Occupation Force)

เรื่องแบบนี้เราควรแสดงท่าที่ที่กลางกว่านี้ก็ได้ ตัวอย่างเช่น "ผมไม่เห็นด้วยในการใช้ความรุนแรง" หรือ "ขอให้ทั้งสองฝ่ายยุติปัญหาโดยเร็ว" บลา บลา บลา อะไรก็ได้ไม่ใช่ออกมาก็กล่าวประณามเลย ผมก็ไม่ทราบว่าได้อ่านแถลงการณ์ของประเทศซาอุดีอาระเบียแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่อ่านก็ไปหาอ่านเสียก่อน เพราะเป็นที่รู้กันทั้งโลกว่าปัญหาของปาเลสไตน์นั้นซาอุดีอาระเบียยืนอยู่ข้างไหน ในเรื่องนี้ซาอุดิอาระเบียยังพูดอะไรที่เป็นกลางมากกว่าที่นายกของเราพูดบนโซเชียลเสียอีก เราเพิ่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียได้ไม่นาน จากโกรธกันถึงขั้นถอนทูตออกไปจนเราสามารถสร้างความสัมพันธ์กันได้อีกครั้งต้องใช้เวลากี่สิบปี เราควรไม่เลือกข้างยืนแบบชัดแจ้งจนเกินไปนัก ยิ่งไปกล่าวประณามใครที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติและเป็นการเลือกข้างยิ่งไม่ควรทำ

เราเป็นกลางในปัญหาทะเลจีนใต้มาสิบกว่าปี เป็นกลางในปัญหาของรัสเซียยูเครน เราเบี้ยวงดออกเสียหลายครั้ง เราเป็นกลางทางการทูตต่อปัญหาขัดแย้งของประเทศต่างๆ แบบนี้มาหลายสิบปี ตั้งแต่เราเลิกเดินตามก้นสหรัฐออกไปรบที่เกาหลีและเวียดนาม การทูตของเราเข้มแข็งมากที่จะรักษาความเป็นกลางเอาไว้ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่การพูดไม่กี่คำบนโซเชียลที่ทำให้กระทรวงต่างประเทศของเราทำงานลำบากขึ้น

แรงงานไทยในอิสราเอลมี 29,900 คน อยู่ในพื้นที่มีปัญหาประมาณ 5,000 คน ที่นายกบอกว่าจะให้กองทัพอากาศเตรียมพร้อมส่งเครื่องบินไปรับ คิดก่อนหรือเปล่าจะต้องใช้เครื่องบินกี่สิบเที่ยว และถามแล้วหรือยังว่าพวกเขาเต็มใจที่จะกลับหรือเปล่า ส่วนมากพวกเขาเลือกที่จะทำงานต่อ เพราะถ้ากลับมาวกเขาก็ต้องเสียค่าเครื่องบินค่านายหน้าสัญญาทำงานใหม่อีกครั้งที่เป็นเงินไม่น้อยเลยสำหรับพวกเขา เพราะพวกเขาคือแรงงานที่สามารถหลบไปในเขตที่ปลอดภัยกว่าได้พร้อมกับนายจ้างชาวอิสราเอล และปาเลสไตน์ก็เกือบจะไม่มีปัญหาอะไรกับคนหน้าตาคนเอเซียแบบคนไทย ที่มีก็น้อยมากถ้าไม่แสดงตัวเป็นปฎิปักษ์กับพวกเขา เพราะเขารู้ว่าพวกเราเป็นเพียงแรงงานเท่านั้นไม่ใช่คู่กรณีขัดแย้งกับพวกเขาเหมือนอิสราเอล

ทำงานแบบมืออาชีพหน่อยครับ ทำอะไรถ้าไม่รู้ก็ควรปรึกษาผู้ที่รู้ กระทรวงต่างประเทศทั้งกระทรวงพร้อมให้คำปรึกษา หรือถ้าไม่แน่ใจก็ทำตัวเป็นใบ้ในกรณีนี้สักสองสามวัน เมื่อมั่นใจแล้วค่อยแสดงความคิดเห็นก็ได้ครับ

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Pat Hemasuk