เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 15 ต.ค.66 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้มีเที่ยวบินจากสายการบิน Fly Dubai สายการบินที่ FZ 8991 ที่บรรทุกแรงงานไทยจากประเทศอิสราเอล เดินทางกลับสู่ประเทศไทยก่อนกำหนดการเดิมกว่า 1 ชม.รวมจำนวน  90 คน แบ่งเป็นชาย 88 คนหญิง 2 คน ตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ โดยมี พลเรือเอก สิทธิชัย ต่างใจ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา นำคณะร่วม อำนวยความสะดวก รวมทั้งกรมการกงสุล เจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงาน ตำรวจ ตม. ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ในการนี้ได้มีการจัดรถชาร์เตอร์บัสจำนวน3 คัน รถพยาบาล และรถกู้ชีพมาคอยอำนวยความสะดวก พร้อมกันนี้ได้จัดเตรียมอาหารกล่องและน้ำดื่มไว้รอง คงรับด้วยเพื่อให้เพียงพอกับพี่น้องคนไทยได้รับประ ทาน ซึ่งจะเป็นอาหารเช้ามื้อแรกบนแผ่นดินไทย  อย่างไรก็ยังตามทาง้จ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพรวมทั้งสัมภาษณ์แรรงาน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกระเทือนต่อความรู้สึก

ทั้งนี้ มีรายงานว่าสำหรับแรงงานไทยรายแรกที่ออกจากอาคารสนามบินชื่อ นายนัฐพงษ์ นวลจันทร์ อายุ 35 ปี มีสภาพได้รับบาดเจ็บที่ขาด้านขวาไม่สามารถเดินได้ เจ้าหน้าที่ต้องจัดรถวีลแชร์มารอรับก่อนส่งตัวไปยังรถพยาบาลฉุกเฉินเพื่อให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

โดย นายนัฐพงศ์ เล่าว่าไปทำงานเป็นลูกจ้างทำสวนเกษตร ประเภทผักสลัด ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับฉนวนกาซา ร่วมกับเพื่อนคนไทยอีกประมาณ 10 คน ขณะนั้นไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อยู่ก็ได้ยินเสียงระเบิดและอาวุธปืนดังสนั่น จึงได้พากันมอบเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็มาพบว่าตัวเองถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาขวาจำนวน 2 แห่ง จึงร่วมกับพวกพยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง โดยขณะนั้นยังไม่มีทหารของอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือกระทั่งมาถึงพื้นที่ปลอดภัยจนได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว นายนัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่าไปทำงานที่ประเภทอิสราเอลมาได้นานกว่า 4 ปีแล้วและยังเหลือสัญญาอีก  1 ปี แต่หลังจากเหตุการณ์นี้คงจะไม่กลับไปทำงานอีกแล้ว คงจะหางานทำที่จังหวัดอุดรธานี บ้านเกิดดีกว่า

ทางด้าน พลเรือเอก สิทธิชัย ผอ.การท่าอากาศยานอู่ตะเภา เปิดเผยว่า ทางนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกับหน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วนให้ที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลัง  ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือต่างๆที่มีอยู่ เร่งให้การช่วย เหลือนำพี่น้องคนไทยที่สมัครใจเดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอลให้ได้เร็วที่สุด  โดยในส่วนของกองทัพเรือนั้นจะมีสายการบิน Fly Dubai ที่บินตรงมาจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  มาลงที่สนามบินอู่ตะเภาทุกวันๆละ 1 เที่ยวบินอยู่แล้ว จึงได้ประสานเพื่อความสะดวกในการรองรับแรงงานไทยจากประเทศอิสราเอลซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีผู้ประสงค์ที่จะเดินทางกลับประมาณ 7,000 คน และคาดว่าจะมีการรับเพื่อทยอยเดินทางกลับประเทศไทยเฉลี่ยวันเว้นวัน เพราะถือเป็นกรณีพิเศษ ตามที่รัฐบาลได้สั่งการไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมมนาคม และกระทรวงกลาโหมได้ประสานงานร่วมกันในการรับแรงงานกลับสู่ประเทศไทย  

โดยหลังจากที่แรงงานชาวไทยได้ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วก็ได้ทยอยเดินทางขึ้นรถบัสชาร์เตอร์เพื่อนำพี่น้องแรงงานชาวไทยเพื่อไปพักผ่อนและพบญาติซึ่งรออยู่ที่โรงแรม SC park เขตวังทอง หลาง กทม. ก่อนจะรับกลับภูมิลำเนาต่อไป