เมื่อเวลา 11.25 น. วันที่ 16 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเดินทางไปประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และการประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ครั้งที่1 ที่ซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 16-22 ต.ค. จะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวพูดคุยขอความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่ต้องการจะเดินทางไทยด้วยหรือไม่ ว่า มีผู้นำหลายคนไป จะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวและอย่างที่ทราบกันดีต้องอาศัยการทูต ทั้งช่องทางที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งในโอกาสที่จะพบผู้นำหลายประเทศครั้งนี้จะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้นำประเทศทุกคนให้ความสำคัญ และเป็นห่วงเป็นใยจริงๆ อยากให้ทุกอย่างจบได้ด้วยดี นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องของการค้าและทางการทูตอีกหลายอย่างที่เรามีแผน ตารางแน่นเอี๊ยด 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไปจีนครั้งนี้ จะมีโอกาสพูดคุยถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังมีปัญหาอยู่หรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่า มี จะไปคุยเรื่องนี้ด้วย และหวังว่าจะได้คุย ตอนนั้นไปประชุมสมัชชาประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา ก็นึกว่าจะมีข้อสรุป ก็ไม่อยากที่จะให้คาดหวังเกินไป เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องบริหารจัดการที่ดี แต่ยืนยันว่าเป็นปัญหาที่จะต้องมีการแก้ไขอย่างชัดเจน  อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้จะพูดคุยเพื่อหาทางออกให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ เอาแบบนี้ดีกว่า เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน อยากให้หาซื้อมาแล้วต้องใช้ได้ ไม่เป็นเรือดำน้ำจะแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ เป็นเรือเหนือน้ำหรือไม่ แต่ต้องตอบโจทย์ทางกองทัพเรือให้ได้ด้วย หากเป็นเรือเหนือน้ำก็ต้องเสริมศักยภาพทางด้านการทะเลของกองทัพเรือด้วยเหมือนกัน ย้ำว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องพูดคุยกัน หวังว่าจะหาข้อสรุปได้

เมื่อถามว่า รถไฟความเร็วสูง จะทำต่อกับประเทศจีนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีการประกาศเรื่องรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ แต่จะมีการพูดคุยในรายละเอียด เพราะเรื่องโลจิสติกส์เป็นเรื่องสำคัญในการที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา ตนจึงได้เกริ่นในเรื่องแลนด์บริดจ์ เพราะรถไฟความเร็วสูงไม่ใช่ทางออกทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของทางออก ดังนั้น เราต้องมีทางออกทั้งหมด 

เมื่อถามว่า เครื่องของกองทัพอากาศที่จะบินไปช่วยคนไทยที่อิสราเอล เวลานี้มีข้อคิดเห็นในเรื่องของการต้องบินอ้อม ไม่สามารถบินตรงได้ ขณะที่เกาหลีใต้สามารถบินตรงได้ สะท้อนว่าทางการทูตเราด้อยกว่าหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่น่าใช่ และตรงนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลมา  

เมื่อถามอีกว่า ได้รับรายงานความคืบหน้าการประสานความช่วยเหลือคนไทยจากอิสราเอลอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเลย เพราะตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6-7 โมงเช้าของที่อิสราเอล คิดว่าบ่ายวันเดียวกันของประเทศไทยคงมีรายงานมา ก่อนขึ้นเครื่อง 1.30 ชั่วโมง ตนจะแถลงอีกรอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่ไม่สามารถบินผ่านเส้นทางของซาอุดิอาระเบียได้ การเดินทางไปเยือนครั้งนี้จะใช้โอกาสพูดคุยขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นข้อเสนอแนะที่ดี และคิดว่าคงต้องคุย โดยตนจะได้เจอ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย คงจะได้เจรจากันหลายเรื่อง