เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่ถูกจับเป็นตัวประกันว่า ได้ประสานงานตลอดเวลา และได้รับแจ้งมาว่ามีคนเข้าไปพูดคุยกับสายที่สามารถพูดคุยได้กับกลุ่มฮามาสซึ่งอยู่ในช่วงการเจรจา โดยมีคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันประมาณ 200 คน มีคนไทย 19 คน เรามีความคาดหวังว่าเขาน่าจะปล่อยตัวคนไทยในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นในอิสราเอลเราไม่แน่ใจว่าขณะนี้ตัวประกันคนไทยนั้นอยู่ที่ไหน ก็มีความเป็นห่วงและพยายามพูดคุยกับผู้ที่จะประสานงานให้เร่งดำเนินการในการปล่อยตัวคนไทยให้เร็วที่สุด 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวที่ระบุว่าฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 50 คน มีคนไทยในนั้นด้วยหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยมาน่าจะมี ซึ่งที่จริงคนไทยไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับทั้งสองฝ่าย เพราะคนไทยเข้าไปเพื่อที่จะทำงาน ทำมาหากินในอิสราเอล ไม่ได้มีความขัดแย้งกับทั้งสองประเทศ เขาก็ไม่น่าจะคิดว่าคนไทยจะเป็นปฏิปักษ์ หรือเป็นอันตรายต่อทางฮามาส ตนมีความหวังสูงสุดที่จะให้เขาปล่อยตัวคนไทยทั้งหมดในเร็ววัน

 

เมื่อถามว่า การที่ฮามาสปล่อยตัวประกันมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า เวลายังไม่ได้พูดคุยถึงข้อแลกเปลี่ยน เป็นการคุยกันในระดับหนึ่งว่าอยากให้ปล่อยตัว และเขายังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องการอะไรจากเรา 

 

เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับเรื่องความปลอดภัยอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า เราทำมาตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ ได้คุยกับทั้งสองฝ่ายว่าให้ดูแลคนไทยให้ดีที่สุด ส่วนแรงงานไทยที่ยังอยู่อิสราเอลนั้นเราก็อยากให้กลับมา ซึ่งเขาก็อำนวยความสะดวก และให้ความปลอดภัยเพื่อให้คนไทยเดินทางกลับได้ทั้งนี้ เราได้ประสานกับทางฝั่งฮามาสให้ดูแลตัวประกันไทยให้ได้รับความปลอดภัย และอยู่ในที่ปลอดภัยอย่าให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการสู้รบกัน เพราะเราเป็นห่วงว่าคนไทยจะได้รับอันตรายด้วย

 

เมื่อถามถึง ความคืบหน้าการพิสูจน์อัตลักษณ์แรงงานไทยที่เสียชีวิต นายปานปรีย์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตบางส่วนที่ส่งกลับมาการพิสูจน์อัตลักษณ์เป็นไปได้ยาก เนื่องจากศพเริ่มเปลี่ยนสภาพ เราจึงต้องพิสูจน์ด้วยการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยกำลังดำเนินการขอดีเอ็นเอจากญาติผู้เสียชีวิตเพื่อไปพิสูจน์อัตลักษณ์กับทางงอิสราเอลด้วย ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีการส่งผู้เสียชีวิตกลับมาเพิ่มเติม ขณะนี้ข่าวเริ่มไม่สับสนและรู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ในขณะเดียวกัน ในเรื่องการส่งคนกลับ นายกรัฐมนตรีได้ระบุเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ว่า เราอยากให้กลับมาให้มากและโดยเร็วที่สุด แต่บางคนยังไม่อยากกลับด้วยหลายเหตุผลที่อยากอยู่ต่อ จากเดิมมีการเตรียมรับคนกลับ 500-600 คน แต่มีคนเปลี่ยนใจไม่กลับเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งเราก็แปลกใจ เราบอกไปว่าไม่ได้และควรที่จะรีบกลับมา หากเป็นอันตรายแล้วใครจะรับผิดชอบ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการแชร์กันว่า ค่าโดยสารมาสนามบินที่อิสราเอลแพง จริงหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เขาต้องนึกถึงญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศไทยที่อยากจะให้กลับมาโดยปลอดภัย ถ้าอยู่ที่นั่นต่อจะเป็นอันตราย เราอยากวิงวอนให้ทุกคนกลับมาก่อน ทางรัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยกระทรวงแรงงานและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะให้การสนับสนุนต่างๆ ที่ทางแรงงานยังขาดอยู่