“จตุพร”ชี้ รมต.ประเทศมุสลิม ไม่เชื่อคนไทยไปรับจ้างทำเกษตรในอิสราเอล เชื่อการทูตถามง่ายๆ พื้นๆ กลับซ่อนความลึกด้วยภาษาการทูต จี้ “เศรษฐา” เร่งอพยพคนไทยกว่า 2 หมื่นกลับด่วน หวั่นสงครามถล่มกาซาลาม ลากไทยเจอข้อหารู้เห็นเป็นใจ
 

นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "หลักหาย!!"เมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 ระบุว่า ประเทศมุสลิมส่งสัญญาณด้วยภาษาการทูตให้ไทยรีบแก้ปัญหาคนไทยในอิสราเอล ดังนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ควรตระหนักและเร่งรีบอพยพคนไทยประมาณ 3 หมื่นกลับประเทศ หากเพิกเฉย ถ้าสงครามทวีรุนแรงขยายพื้นที่ ไทยอาจถูกกล่าวหาว่า มีส่วนรู้เห็นกับอิสราเอลด้วย

นายจตุพร กล่าวกรณีนายปานปรีย์ มหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ตกใจคำถามพื้นๆ ของ รมต.ต่างประเทศ จาก กาตาร์ อียิปต์ และอิหร่าน โดยถามถึงคนไทยไปทำอะไรที่อิสราเอล ว่า รมต.ต่างประเทศทั้ง 3 ประเทศสงสัย เพราะไม่เชื่อคนไทยไปรับจ้างทำอาชีพการเกษตร แต่คิดว่า เป็นนักธุรกิจไปเปิดบริษัททำธุรกิจการค้า ดังนั้น นายปานปรีย์จึงควรคิดให้มากกับคำถามที่มุ่งให้ไทยไปแก้ปัญหา

"ภาษาการทูตเป็นภาษาสวยงาม กับคำถามว่า คนไทยมาทำอะไรที่อิสราเอล แม้เป็นการถามที่พื้นฐานมาก แต่ความจริงกลับลึกที่สุด เพราะเป็นภาษาทางการทูตเพื่อให้ไทยไปแก้ไขปัญหา และด้วยคำถามเช่นนี้ ถ้า (โลกมุสลิม) เชื่อแล้ว เวลาที่เขาปฎิบัติทางการทหารจะไม่มองคนไทยเป็นเกษตรกรรับจ้าง"

นายจตุพร เชื่อว่า นายปานปรีย์ มาเป็น รมต.ต่างประเทศ อาจไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด จึงควรไปคุยกับฝ่ายความมั่นคงของไทยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และด้วยคำถามของ 3 รมต.ต่างประเทศนั้น แสดงว่า โลกอาหรับถึงกันหมด และมีข้อมูลอื่นที่มากกว่าคนไทยไปรับจ้างเป็นแรงงานเกษตรกรรมรับจ้าง จึงคงไม่เชื่อคำตอบของ รมต.ต่างประเทศไทย ดังนั้น นายปานปรีย์ ต้องคุยกับนายเศรษฐา นายกฯ อย่างจริงจังในการอพยพคนไทยกลับโดยด่วน

อีกทั้ง กล่าวว่า สถานทูตทุกประเทศในไทย ล้วนมีหน่วยงานการข่าวทั้งสิ้น และรู้การเคลื่อนไหวภายในอย่างดี แล้ว 3 รมต.ต่างประเทศมุสลิมรู้ข้อมูลอะไรในไทย จึงถามด้วยคำถามพื้นฐานกับ รมว.ต่างประเทศไทย ว่า คนไทยมาทำอะไรที่อิสราเอล 
"คำถามนี้แฝงไว้ด้วยรายละเอียดมากมาย และส่งสัญญาณให้ประเทศไทยแก้ไข เราพยายามอธิบายว่า เอาคนไทยออกมาให้เร็วที่สุดตั้งแต่ต้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่ใช่การเก็บผลไม้หรือเกษตรกรแค่อย่างเดียว"

นายจตุพร กล่าวว่า คนไทยอยู่ในอิสราเอลจำนวนทางการมีประมาณ 3 หมื่นกว่า แต่ขณะนี้กลับไทยไม่ถึงหนึ่งในสาม หรือไม่เกินหมื่นคนนั้น โดยอ้างว่า เห็นแก่ค่าแรงมากกว่าการมีชีวิตรอดจริงหรือ? อีกอย่างการให้ถ้อยคำไอโอ (การโฆษณาชวนเชื่อ) กับคนไทยที่กลับมา เพราะมีหลายเรื่องที่ผิดปกติ 

รวมทั้ง กล่าวว่า เรายืนข้างคนไทยอย่างแข็งแรงที่สุดและต้องการให้คนไทยทั้งที่อยู่ในอิสราเอล หรือถูกฮามาสควบคุมตัว หรือกลุ่มใดก็ตามจับตัวไว้ ได้รับความปลอดภัย แต่คนไทยในประเทศต้องได้รับความปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉนวนกาซา อาจจะเกี่ยวข้องกับคนไทยในเวลาต่อมาและจะกลายเป็นปัญหากับประเทศเรา 

ไม่เพียงเท่านั้น ระบุว่า วันนี้ หลังจากได้รับคำถามนี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ รัฐบาลต้องทำ ต้องคิด และจะทำเป็นมึนต่อไปไม่ได้แล้ว แต่ควรรีบแก้ปัญหา ซึ่งนายกฯ เศรษฐา ต้องรู้ว่า ตนหมายถึงอะไร
"เมื่อเขาส่งสัญญาณ เป็นภาษาดอกไม้ ทั้งที่เนื้อหาและใจความไม่ใช่เลย เป็นการยื่นคำขาดให้ไปจัดการแก้ไขปัญหา ดังนั้น ผมพยายามเรียกร้องให้ นายปานปรีย์ ไปประจำการที่อิสราเอล เพื่อนำคนไทยกลับจนคนสุดท้าย แต่ยังไม่มี รมต.คนใดเดินทางไป ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่กว่า 2 หมื่นกว่าอยู่กัน ดังนั้น ต้องรีบจัดการก่อนสถานการณ์จะเลวร้าย"

นายจตุพร เชื่อว่า หากมุสลิมประกาศสงครามแล้ว ไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่ปลอดภัย จึงหวังว่า ความเข้าใจกับคำถามของ รมต.มุสลิมนั้นจะทำให้ไทยได้ตั้งหลัก แม้เป็นคำถามพื้นๆ แต่ความจริงแล้ว เป็นคำถามที่ลึกที่สุด ดังนั้น นายปานปรีย์ ต้องรีบพาคนไทยออกจากอิสราเอลอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยถูกกล่าวหาว่า มีส่วนรู้เห็นในสงครามด้วย

ขอบคุณ:รายการประเทศไทยต้องมาก่อน