วันที่13ธ.ค66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร เปิดเผยถึงกรณีที่ นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น หลังจากถูกศาลอนุมัติหมายเรียกใน 4 ข้อกล่าวหา ซึ่งนายสมรักษ์ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่า นายสมรักษ์ควรให้การรับสารภาพ เพราะอาจเป็นเหตุบรรเทาโทษจากหนักเป็นเบาได้ เนื่องจากนายสมรักษ์ เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและเคยทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ประกอบกับข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษสูง อีกทั้งพยานหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น สารคัดหลั่งต่างๆ ที่บ่งชี้ชัดเจนว่า เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง และเด็กยังยืนยันว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศจริงทั้งที่ตนได้ขัดขืนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบคัดหลั่งจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะใช้ประกอบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.อ สุรเชษฐ์ ยังเผยต่อถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เด็กอายุ 17 ปีมีเจตนาหรือมีการวางแผนมาก่อนหรือไม่นั้น ต้องชี้แจงว่ากฎหมายคุ้มครองเด็กทั่วโลกนั้นเหมือนกัน คือ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ แต่การกระทำของผู้ใหญ่ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดทั้งหมด และมองว่านายสมรักษ์ควรรู้เรื่องนี้เพราะนายสมรักษ์เองก็มีบุตรสาวเช่นกัน จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นเด็กไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นระบบกล่าวหา นายสมรักษ์จึงยังมีสิทธิ์ต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ แต่ย้ำว่า นายสมรักษ์ควรรับสารภาพเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่เหมาะสม  

  พล.ต.อ สุรเชษฐ์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับน้องชายของนายสมรักษ์ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใน 2 ฐานความผิดนั้น เนื่องจากพบว่า มีการร่วมกันพาและพรากผู้เยาว์ โดยเป็นผู้ขับจักรยานยนต์พานายสมรักษ์และเด็กอายุ 17 ไปยังโรงแรม ทั้งยังเป็นคนส่งสัญญาณให้เด็กอายุ 17 เดินตามนายสมรักษ์เข้าโรงแรมไปทั้งที่ไม่ใช่ที่พักของเด็ก

“ส่วนสถานบันเทิงดังกล่าว ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วว่าร้านดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่ และให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ประสานไปยังฝ่ายปกครองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว