สมรักษ์ อ่วม! ตร.แจ้ง 4 ข้อหาหนัก หลังย่องพบตำรวจขอนแก่นกลางดึก เจ้าตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมไหว้ขอโทษ ครอบครัว-สังคม และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ด้าน บิ๊กโจ๊ก แนะรับสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบา  ขณะที่ น้องชาย ไม่รอดโดนแจ้ง 2 ข้อหา ด้วย 


     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข้อสังเกตสถานบันเทิงหลายพื้นที่ หละหลวม ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้าใช้บริการได้ ว่า ได้ย้ำกับฝ่ายปกครองให้ถือปฏิบัติว่าการแสดงตัวเข้าใช้บริการต้องแสดงบัตรประชาชนตัวจริง ไม่ใช่ถ่ายรูปแล้วเปิดให้ดูจากโทรศัพท์แล้วปล่อยให้เข้าไปอย่าพยายามเลี่ยง เพราะยิ่งเลี่ยงกฎหมายเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกตรวจค้นจับกุมดำเนินคดี และไม่มีประโยชน์เพราะสถานบันเทิงต้องลงทุนกันมามาก จะทำมาหากินอะไรก็ควรจะให้ถูกกฎหมาย
    
 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น   เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.66 เวลา 00.30 น. นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกและอดีตผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ สุวรรณราช รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังถูก น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความเอาผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศ โดยนายสมรักษ์ เดินทางพร้อมกับพี่ชายและเพื่อนสนิท ซึ่งหลังรับทราบข้อกล่าวหาประมาน 30 นาที  นายสมรักษ์ กล่าวว่า กราบขอโทษครอบครัวตนเอง ขอโทษครอบครัวน้อง และขอโทษชาวไทยและชาวขอนแก่น กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากความผิดพลาดของตัวเอง เพราะไม่ทราบจริงๆว่าน้องอายุ 17 ปี และเข้าใจความรู้สึกของทุกคน และจะขอแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไป แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วก็ต้องตั้งสติ หาทางแก้ไข และพร้อมเข้าสู้กระบวนการยุติธรรม
     
พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ สุวรรณราช รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้แจ้ง 4 ข้อหาประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารฯ , กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายและข้อหาพยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยังไม่มีการสอบสวน เนื่องจากนายสมรักษ์ บอกว่าขอไปตั้งสติก่อน แล้วจะให้ทนายความ พิมพ์คำให้การมามอบให้พนักงานสอบสวนภายใน 15 วัน  โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องหา เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี 
     
ด้าน  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่านายสมรักษ์ควรให้การรับสารภาพ เพราะอาจเป็นเหตุบรรเทาโทษ จากหนักเป็นเบาได้ เนื่องจากนายสมรักษ์เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและเคยทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ อีกทั้งพยานหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น สารคัดหลั่งต่างๆ ที่บ่งชี้ชัดเจนว่า เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง รวมทั้งพบดีเอ็นเอของเด็กบนตัวนายสมรักษ์ และดีเอ็นเอของนายสมรักษ์บนตัวเด็ก 
     
  กรณีที่โซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเด็กอายุ 17 ปี มีเจตนาหรือมีการวางแผนมาก่อนหรือไม่นั้น ต้องชี้แจงว่ากฎหมายคุ้มครองเด็กทั่วโลกนั้นเหมือนกันคือ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ แต่การกระทำของผู้ใหญ่ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดทั้งหมด และมองว่านายสมรักษ์ควรรู้เรื่องนี้ เพราะนายสมรักษ์ เองก็มีบุตรสาวเช่นกัน จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นเด็กไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่
    
 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับน้องชายของนายสมรักษ์ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใน 2 ฐานความผิดนั้น เนื่องจากพบว่า มีการร่วมกันพาและพรากผู้เยาว์ โดยเป็นผู้ขับจักรยานยนต์พานายสมรักษ์ และเด็กอายุ 17 ไปยังโรงแรม ทั้งยังเป็นคนส่งสัญญาณให้เด็กอายุ 17 เดินตามนายสมรักษ์เข้าโรงแรมไปทั้งที่ไม่ใช่ที่พักของเด็ก