วันที่ 23 ธ.ค.66 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.)ว่า ปัจจุบันปัญหาหนี้ทั้งในและนอกระบบของภาครัฐ ถือเป็นปัญหาใหญ่เรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยปัจจุบันมูลหนี้ทั้งหมดในระบบของประเทศไทย ครอบคลุมหนี้ครัวเรือนจำนวน 16 ล้านล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ 90 ของ GDP ภาครัฐจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะภาคการเกษตร ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลิตและส่งออกสินค้า

นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ภายหลังที่รัฐบาลได้ประกาศเป้าหมายในการทำงานที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจของไทยเติบโตในอัตราเฉลี่ย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี โดยต้องมี 2 ปัจจัยร่วมกันคือ อุปสงค์ ด้านของการจับจ่ายใช้สอยสินค้า ทางด้านสำหรับผู้มาเยือนภายในประเทศ การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ และอุปทานคือ การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเพื่อการเกษตร สินค้าด้านบริการต่างๆ ที่จะสามารถทำให้ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะซื้อสิ่งเหล่านั้นสามารถเลือกซื้อได้ โดยมองว่าจะต้องมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นและเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อให้เศรษฐกิจของไทยได้เติบโตได้ตามเป้าหมาย และเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและเกิดรายได้มากขึ้น

"อย่างไรก็ตาม ภาวะหนี้สินทั้งประเทศที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ โดยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน โดยเฉพาะสถาบันการเงิน ในการช่วยกันหาแนวทางและมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบเกิดผลสำเร็จและมีผลอย่างยั่งยืน"ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าว

 

 

#หนี้นอกระบบ #สถาบันการเงิน #ปลดหนี้ #ข่าววันนี้