วันที่ 3 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาววัย 32 อดีต ภรรยานายโบ้ ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกทำร้ายร่างกาย จนต้องหนีอยู่ต่างจังหวัด โดยผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักกับนายโบ้ผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก จากนั้นก็เริ่มคบหากันตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ตลอดเวลาที่คบหากันก็ถูกนายโบ้ทำร้ายร่างกายมาตลอด จนกระทั่งเดือนมีนาคมนายโบ้เป็นฝ่ายขอให้ไปจดทะเบียนสมรสด้วย อ้างว่าอยากหยุดอยู่ที่เธอคนเดียวและอยากมีครอบครัว เธอกลัวว่าจะถูกทำร้าย เพราะตอนที่เริ่มคบกันนายโบ้บอกว่าเคยทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนอื่น เธอกลัวจึงยอมไปจดทะเบียนสมรสด้วย หลังจากนั้นก็ถูกทำร้ายร่างกายมาตลอดและหนักขึ้นทุกครั้ง ซึ่งพฤติกรรมของนายโบ้เคยถึงขึ้นใช้โซ่ล่ามขาตนเองกับขานายโบ้ไว้ด้วยกันเพื่อไม่ให้หนีไปไหน และต้องอยู่ในสายตาตลอด 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งเวลาเข้าห้องน้ำก็ต้องเปิดประตูทิ้งไว้ 

จนกระทั่งเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถูกทำร้ายหนักที่สุด นายโบ้กลับมาจากที่ทำงานและบ่นว่าเหนื่อย เธอเลยบอกว่า “ถ้าเหนื่อยก็ปล่อยมือจากเธอได้” พอพูดจบนายโบ้ก็ทำร้ายบีบคอ ลากเข้าไปทำร้ายร่างกายในห้องและจะใช้โซ่ล่ามขา เธออาศัยช่วงจังหวะนั้นวิ่งหนีออกมาและไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น และหนีไปอยู่ต่างจังหวัดแต่คดีก็ไม่คืบหน้า ซึ่งตลอดเวลาที่เธอคบกับนายโบ้มา 7-8 เดือน ก็ถูกทำร้ายร่างกายและหนีมาตลอดถึง 4 ครั้ง และทุกครั้งที่หนีนายโบ้ก็จะไปตามตัวกลับมา หนักสุดคือขับรถกระบะไปตามหาที่ จ.ลพบุรี กับเพื่อน 4-5 คน เพื่อตามตัวกลับมา ซึ่งตอนนั้นนายโบ้ได้ใช้ปืนจี้และอุ้มขึ้นรถให้กลับมาด้วย

ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยรู้มาก่อนว่านายโบ้คบกับนางสาวแพรว แต่ยอมรับว่ามีเรื่องผู้หญิงคนอื่น และมารู้ว่านายโบ้คบกับนางสาวแพรวเพราะเห็นข่าวการเสียชีวิต ตนสงสารนางสาวแพรวจึงออกมาขอความช่วยเหลือและเตือนภัยผู้หญิงด้วยกัน

ผู้เสียหายยังบอกว่า นายโบ้เคยต้องคดีพยายามฆ่ามาก่อนและเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำได้ไม่นาน ก่อนจะมีข่าวว่าทำร้ายนางสาวแพรวจนเสียชีวิต

ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า จะพาผู้เสียหายไปพบกับผู้กำกับการ สน. บางเขน เพื่อให้ช่วยติดตามคดีที่ไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ยังมีหญิงผู้เสียหายอีก 1 ราย ที่ติดต่อมายังเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกนายโบ้ทำร้ายในลักษณะเดียวกัน ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สภ.บางแม่นาง จังหวัดนนทบุรี แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นกัน ซึ่งจะเข้าไปช่วยเหลือต่อไป

 

#สายไหมต้องรอด