เข้าทำนองบท “กลอนหมูหมา” ที่ว่า “เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา เมื่อไม่มีหมดมิตรมุ่งมองมา เมื่อมอดม้วยแม้หมูหมาไม่มามอง” เข้าให้เสียแล้ว

สำหรับ “พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย” ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมัวหมอง จนบรรดามิตรที่เคยมุ่งหมายมองด้วยความชื่นชมเมื่อช่วงก่อนหน้า ก็กลับกลายมามองเขาเหมือนหมูหมาไปแล้ว ณ ชั่วโมงนี้

เหตุปัจจัยอะไรนั้นหล่ะหรือ ที่ทำให้บรรดามิตรที่อดีตเคยชิดใกล้ ต้องกลับกลายไปสู่บรรยากาศแหนงหน่ายต่อ “พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย” อย่างชนิดหักมุมกลับ 360 องศาตามที่กล่าวแล้วข้างต้น หลักๆ ก็มาจากการที่รัฐบาลทหารเมียนมาสูญเสียการครอบครองในพื้นที่หลายเมืองเป็นว่าเล่น ให้แก่บรรดากองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จับมือเป็นพันธมิตรกันมาถล่มโจมตี นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา

ไม่ว่าจะเป็น “เมืองคอนเกียน” ในรัฐฉาน ทางตอนเหนือของเมียนมา ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศจีน ที่ปรากฏว่า “กองทัพรัฐบาลทหารเมียนมา” ถูก “กองทัพพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ที่นำโดยโกก้าง” ในพื้นที่รัฐฉาน เข้าถล่มฐานที่มั่น ซึ่งมีทหารรัฐบาลเมียนมาอยู่ประมาณ 100 นาย ต้องยอมาจำนน พร้อมกับเสียเมืองแห่งนี้ให้กองทัพพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ข้างต้น อันเป็นด่านพรมแดนที่สำคัญระหว่างเมียนมากับจีน

โดยในรัฐฉาน ปรากฏว่า รัฐบาลทหารเมียนมา ก็ยังเสีย “เมืองเล้าก์ก่าย” ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่คุ้นหูชาวไทยเราเป็นอย่างดี อยู่ในรัฐฉาน ให้แก่กองทัพพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ที่นำโกก้างไปอีกเมือง

เช่นเดียวกับพื้นที่หลายเมืองในรัฐยะไข่ ที่รัฐบาลทหารเมียนมา ต้องเสียการควบคุมให้แก่กองกำลังติดอาวุธพันธมิตรของกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐยะไข่ เช่น กองทัพอาระกัน

โดยมีรายงานว่า กองทัพอาระกัน สามารถเข้ายึด “เมืองปาเลตวา” อันเป็นเมืองชายแดนที่มีพื้นที่ติดกับพรมแดนของอินเดียและบังกลาเทศ พร้อมกับขับไล่ทหารของกองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาต้องออกจากพื้นที่อย่างหมดสภาพ

กล่าวถึง “เมืองปาเลตวา” ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำคาเลดัน นับเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ในฐานะจุดการค้าระหว่างพรมแดนเมียนมากับอินเดียและบังกลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า กองทัพอาระกัน ได้เข้ามาดูแลเมืองท่าปาเลตวานี้อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านการบริหาร ตลอดจนการรักษากฎหมายในเมือง

นอกจากเสียเมืองให้แก่กองทัพพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ จนทำให้บรรดากองเชียร์ของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ออกอาการไม่พอใจแล้ว ก็ยังเกิดเหตุการณ์ซ้ำเติมอารมณ์ให้ขุ่นใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อปรากฏภาพสมาชิกกลุ่มติดอาวุธรายหนึ่งของ “กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา” หรือ “เอ็มเอ็นดีเอเอ” ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ในเมืองเล้าก์ก่าย ใช้ค้อนปอนด์ทุบพระเจดีย์

โดยภาพดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจให้แก่เหล่าบรรดากองเชียร์ของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย เป็นอย่างมาก เนื่องจากกองเชียร์เหล่านั้น เป็นพุทธศาสนิกชนที่ความศรัทธาในพระศาสนาแบบสุดโต่ง และมีความเป็นชาตินิยมอย่างรุนแรงอีกด้วย ถึงขนาดที่นักข่าวต่างประเทศเรียกกองเชียร์ของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เหล่านี้ว่า “อุลตราเนชันแนลลิสต์ บุดดิสต์ส (Ultranationalist Buddhists)” กันเลยทีเดียว

กลุ่มพุทธชาตินิยมสุดโต่งเหล่านี้ มิได้ไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการที่ประเทศของตนต้องเสียเมืองให้แก่บรรดาชนกลุ่มน้อย กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมถึงศาสนสถานถูกกลุ่มคนพวกนั้นทำลายเท่านั้น แต่อารมณ์โมโหเกรี้ยวกราดโกรธายังหวนกลับมาลามเลยถึงผู้นำของพวกเขา นั่นคือ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย โดยก่อให้เกิดกระแสต่อต้านผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมารายนี้อย่างที่ไม่เคยเห็น และไม่เคยเป็นมาก่อน

ทั้งนี้ จากเดิมกลุ่มพุทธชาตินิยมดังกล่าว ได้ให้การสนับสนุนต่อ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ในการทำรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 (พ.ศ. 2564) ซึ่งใกล้จะครบ 3 ปีเต็มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว โดยเหตุผลของการสนับสนุนของการทำรัฐประหารดังกล่าว สาเหตุประการหนึ่งก็เพราะชาวเมียนมาสุดโต่งกลุ่มนี้ ไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อรัฐบาลพลเรือนของนางซูจีด้วย จากการที่สั่งแบน “สมาคมพิทักษ์ปกป้องศาสนาและเชื้อชาติ” ซึ่งในที่นี้คือศาสนาพุทธและเชื้อชาติเมียนมา หรือพม่า หรือที่หลายคนรู้จักกันในนามว่า “องค์กรมะบะธะ”

โดยองค์กรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นสมัยอดีตผู้นำ “เต็ง เส่ง” เพื่อต่อต้านมุสลิมในเมียนมา โดยมีพระภิกษุผู้นำ ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ “พระวีระธุ” นั่นเอง ก่อนมาถูกสั่งแบนในสมัยของรัฐบาลพลเรือนนางซูจี

ทั้งนี้ แม้ในเบื้องต้นหลังการรัฐประหาร ปรากฏว่า พระวีระธุถูกทางการเมียนมาควบคุม จนเกิดกระแสกดดันให้ปล่อยตัว ซึ่งทางการรัฐบาลทหารเมียนมา ภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก็ได้ปล่อยพระวีระธุ พร้อมทั้งอวยรางวัล และยังถวายเงินจตุปัจจัยให้อีกด้วย ส่งผลให้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้รับเสียงชื่นชม และเสียงเชียร์จากคนกลุ่มนี้ในเมียนมาเป็นอย่างมาก

ทว่า ถึง ณ เวลานี้ สถานการณ์กลับตาลปัตร หลังรัฐบาลทหารของเขา เสียทั้งเมือง และยังมีภาพลบหลู่ดูหมิ่นศาสนสถานปรากฏออกมา

ล่าสุด ได้มีพระภิกษุ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มพุทธชาตินิยมรุ่นใหม่ อย่าง “พระอาชิน อาเรียวันทา” หรือที่หลายคนรู้จักดีในนามว่า “ป๊อก โก ตอว์” ออกวิพากษ์วิจารณ์ฟาดงวงฟาดงาใส่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อย่างเผ็ดร้อน ต่อหน้ากลุ่มคนที่มาชุมนุมที่บริเวณจตุรัสของเมืองปินอูลวิน ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศในพื้นที่หุบเขาแห่งหนึ่ง

พระอาชิน อาเรียวันทา หรือป๊อก โก ตอว์ หนึ่งในแกนนำของกลุ่มพุทธชาตินิยมในเมียนมา (ขอขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Pauk Ko Taw Facebook)

ถึงขนาดโจมตีในการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก่อนเรียกร้องให้ พล.อ.อาวุโสรายนี้ไขก๊อกพ้นจากตำแหน่งไป แล้วให้ พล.อ.อาวุโส โซ วิน รองผู้บัญชาการทหารเมียนมา ที่ดูจะเข้มแข็งมากกว่า มาดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาแทนที่ ซึ่งมีรายงานว่า พระภิกษุรูปนี้ถูกทางการเรียกตัวไปสอบสวนอยู่พักหนึ่ง ก่อนได้รับการปล่อยตัวในอีกไม่กี่เพลาต่อมา เพราะผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมายังต้องพึ่งพากลุ่มคนกลุ่มนี้ที่มีจำนวนมิใช่น้อย และทรงพลังมิใช่เล่นอยู่เหมือนกัน

พล.อ.อาวุโสโซ วิน รองผู้บัญชาการทหารเมียนมา ผู้ที่ถูกเรียกร้องให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาแทน พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย โดยกลุ่มพุทธชาตินิยมในเมียนมา (Photo : AFP)