วันที่ 2 ก.พ.2567 เวลา 11.30 น.ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 กล่าวถึงการให้นโยบายในการทำงานของคณะอนุกรรมาธิการ 9 คณะว่า การพิจารณางบประมาณควรจะเป็นหนึ่งเดียว ทีมเดียวในการออกมติร่วมกัน เพราะการทำงานไม่ได้คำนึงถึงพรรคฝ่ายค้าน รัฐบาล บุคคลภายนอก ภายใน แต่เป็นการทำงานหนึ่งเดียวเพื่อเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ เพื่อที่จะได้ร่วมมือกันทำงาน ยอมรับว่ายังมีความเห็นแตกต่างกัน แต่ความเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ปัญหาที่จะสร้างความยากลำบากที่จะไม่ทำงานให้สำเร็จถูกต้อง แต่เป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องเคารพความเห็นต่าง ซึ่งความเห็นแตกต่างกันในกมธ.จะทำให้เรามองประเด็นที่แตกออกไปและรอบด้านขึ้น จึงต้องรับฟังทุกความเห็น  วิธีการทำงานแบบนี้จะทำให้ร่วมมือกันอย่างดี ดังนั้นเมื่อคุยกันในที่ประชุมแล้วยังมีความเห็นแตกต่างก็ไม่อยากให้ใช้วิธียกมือ อยากให้ไปคุยกันให้ได้ข้อสรุป เข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่า เพราะฉะนั้นในที่ประชุมหลีกเลี่ยงการยกมือ และสนับสนุนข้างใดข้างหนึ่ง แต่อยากให้ดูว่ามีเหตุผลอะไร

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ดังนั้นครั้งนี้เราเชิญระดับกระทรวง กรม เป็นข้าราชการที่มีประสบการณ์ มีอาวุธเสริมอาวุธในการทำงาน คำถามต่างๆต้องสั้นกระชับ ตรงประเด็นและได้ใจความ เพราะทุกท่านมีภารกิจงานกระทรวงต้องไปทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ และต้องให้เกียรติด้วย การใช้คำถามที่จะเข้าถึงข้อมูล หรือขอรายละเอียดก็ควรจะให้เกียรติกัน ทุกฝ่ายก็ต้องตอบสนองเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในการวางงบประมาณ สิ่งสำคัญเรามีหน้าที่ให้การดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด เพราะวันนี้เราทำงบประมาณปี 67 ไม่ใช่ในภาวะปกติ รัฐบาลเข้ามาทำงานเกือบ 6 เดือนแล้วรัฐบาลยังไม่มีงบประมาณทำอะไรเลย จึงอยากให้รีบทำ เพราะรัฐบาลวางโครงสร้างพื้นฐาน วางกรอบคิดที่จะมองอนาคตร่วมกัน ถ้าทำตรงนี้ได้เร็วและสามารถนำงบประมาณมาใช้ได้เลย จะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ประเทศชาติ ทำให้เศรษฐกิจและสังคมได้ขับเคลื่อนเพื่อตอบโจทย์ให้กับพี่น้องประชาชน

“ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปมากหลายโครงการอาจจะไม่สอดคล้องกับสถานกาณ์แล้ว หรือไม่สอดคล้องกับวิธีคิด สามารถมองไกลให้เต็มที่ แม้โครงการคิดมาดีแล้วในช่วงนั้น แต่สถาการณ์เปลี่ยนแปลงแล้วสามารถปรับลดงบประมาณได้ แต่ต้องเคร่งครัดต่อรอบกฎหมายในการพิจารณาให้เหมาะสม เช่นรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ต้องไม่เข้าไปก้าวล่วงทั้งหมดผมเชื่อว่าการร่วมมือกันในทิศทางต่างๆเหล่านี้จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเราเดินมาเกือบครึ่งทางแล้ว อนุกรรมาธิการจะช่วยกรองเรื่องให้กระชับ ตัดทอนต่างๆให้ครบ แต่การตัดสินใจเด็ดขาดจะอยู่ที่กมธ.ชุดใหญ่”นายภูมิธรรม กล่าว 

เมื่อถามว่าการตั้งอนุกมธ.ครั้งนี้เป็นการปกป้องงบรายกระทรวงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปกป้องไม่ได้เพราะกมธ.มาจากทุกภาคส่วน เพราะสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับกมธ.ชุดใหญ่ อย่ากังวลเกินไป เราเชิญบุคคลภายนอกและผู้ใหญ่จากทุกพรรคแต่ทำงานให้รวดเร็วและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ถ้าตั้งใจที่จะทำให้เกิดประโยชน์อยู่ตรงไหนก็ทำได้ เพราะเราทำเปิดเผยสาธารณะ ขณะนี้เราดำเนินการมา 17 วัน ภายในกรอบระยะเวลา 105 วัน เราพยายามจะทำให้เสร็จก่อนอย่างน้อย 15 วัน หรืออาจเร็วกว่านั้นหากทุกอย่างเดินไปด้วยดี  เพราะหากรีบทำให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด เราจะมีงบประมาณ เพื่อไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้เร็วที่สุด