วันที่ 2 ก.พ.2567 เวลา 12.00 น.ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงมีการตั้งข้อสังเกตในการหาเสียงพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา  112 หรือไม่ว่า มาตรา 112 เราพูดเสมอว่าเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงและสำคัญ จะทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่ให้เรารับปากแก้ 112 เพราะเกี่ยวพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้ววันนี้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นกลางทางการเมืองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน เพราะขณะนี้มีปัญหาสำคัญๆมาก ทั้งในเรื่องของชีวิตประชาชน ความยากลำบาก เศรษฐกิจ ยาเสพติด พี่น้องประชาชนสามารถทำได้เต็มที่ เรื่องเร่งด่วนจริงไม่ใช่เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์

“ผมเห็นใจพรรคก้าวไกล เพราะเคยอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ปัญหาในการทำงานทางการเมืองอยู่ที่จุดสมดุล ในสังคมประชาธิปไตยเขายอมรับความแตกต่าง และสงวนความแตกต่างได้ แต่ความแตกต่างเป็นความแตกต่างที่เป็นตัวของตัวเอง ต้องเคารพ ถ้าจะจัดการก็ต้องหาความสมดุล ไม่มีความคิดใครถูกต้องที่สุด ไม่มีความคิดใครดีที่สุด ไม่มีความคิดใครเป็นประชาธิปไตยกว่ากัน วันนี้แม้มีสส.คนเดียว หรือ 10 คนล้วนแต่เป็นตัวแทนประชาชนที่เลือกเข้ามาทั้งนั้น

เพราะฉะนั้นหากไปเกี่ยวพันกับชีวิตพี่น้องประชาชน หรือไปเกี่ยวข้องโครงสร้างทางการเมือง หรือผลประโยชน์ของประเทศชาติ ล้วนแล้วแต่ต้องคำนึงถึงความคิดเห็นแตกต่างกัน และต้องเคารพความเห็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทำงานทางการเมืองก็จะเข้าใจความต้องการของทุกคน ทุกส่วนได้ดี และสามารถร่วมมือกันเดินทางไปในสิ่งที่จะเกิดประโยชน์ให้กับประเทศได้สูงสุด” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เราระมัดระวังเรื่องมาตรา 112 แม้กระทั่งมีตัวแทนมายื่นหนังสือกับเรา ให้เรารับ เราก็ชี้แจงไปว่าเรื่องนี้เราเห็นเช่นนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง และปฏิบัติอย่างเหมาะสม หรือแม้กระทั่งที่มีกลุ่มเยาวชนมายื่นหนังสือกับเรา เราก็ได้แถลงแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะกระทบ ต่อสาธารณะชน ไม่ว่าตัดสินใจไปเช่นไรก็มีผลกระทบที่คนส่วนหนึ่งเห็นด้วยและคนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย และหากเป็นเช่นนี้ก็จะสร้างความแตกแยกครั้งใหม่ให้กับสังคม เราจึงบอกว่าจะต้องทำให้เกิดฉันทามติ พูดคุยกันอย่างเรียบร้อย หากคิดว่าสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องไปตัดสินใจ

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า วันนี้จึงคิดว่าเราควรใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนก่อน หากเราบอกว่ารักประชาชน แล้วเราเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางก็จะพบว่าขณะนี้ประชาชนกำลังยากลำบากมาก จะบอกว่าวิกฤตหรือวิกฤตให้ลงไปดูของจริง ไปเดินตลาด หรือไปดูนักธุรกิจรายเล็กรายย่อยทั้งหมด เขาพูดเหมือนกัน หรือแม้กระทั่งสภาอุตสาหกรรมเขาก็ยืนยัน ฉะนั้น ตัวเลขทางเศรษฐกิจสามารถพูดได้หลายอย่าง แต่เราควรต้องเอาวิชาการมาผสมผสมกับความเข้าใจและความเห็นใจพี่น้องประชาชน จึงเป็นระบบทุนนิยมที่มีจิตใจที่ดีที่จะคำนึงถึง