“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”…*...

กมฺมุนา วตฺตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การกระทำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข…*…

โดยบางช่วงบางตอนของคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญบรรยายไว้ชัดทุกถ้อยกระทงความ จะคัดมาบางช่วงบางตอน ความว่า “...การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอให้มาตรา 112 ออกจากลักษณะหนึ่งความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เป็นการกระทำเพื่อมุ่งหวังให้ความผิดตามมาตรา 112 เป็นความผิดที่ไม่มีความสำคัญ และความร้ายแรงระดับเดียวกับความผิด ในหมวดของลักษณะ 1 และไม่ให้ถือเป็นความผิดที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีกต่อไป มีเจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ”...*...

“...เนื้อหาของร่างกฎหมายที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอเป็นพฤติการณ์ที่แสดงออกถึงเจตนาของผู้ถูกร้องทั้งสอง ที่ต้องการลดทอนการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ลง โดยผ่านร่างกฎหมาย และอาศัยกระบวนการนิติบัญญัติเพื่อสร้างความชอบธรรมโดยซ่อนเร้น โดยใช้วิธีการผ่านกระบวนการทางรัฐสภา” ...*...

“...การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว มีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด ข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น” …*…

ขณะที่ “อาจารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ยังมองเห็น “รูรอด” ในคำวินิจฉัยของศาล และเสนอว่า  ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งห้ามแก้โดยเด็ดขาด แต่สั่งพรรคก้าวไกลห้ามยกเลิก และห้ามแก้โดยวิธีการซึ่งมิใช่กระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบได้ ดังนั้น หากต้องทำตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ การแก้ 112 ยังพอทำได้อยู่ เพียงแต่แก้เพื่อย้ายหมวด แก้เพิ่มเหตุยกเว้นความผิด เหตุยกเว้นโทษ แก้ให้เป็นความผิดยอมความ และกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษไม่ได้  นั่นหมายความว่า การแก้มาตรา 112 เพื่อลดโทษสามารถทำได้ และการแก้ไม่มีโทษขั้นต่ำ แก้เพื่อแยกฐานความผิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย ออกจากกันได้ รวมถึงแก้เรื่องกำหนดให้หน่วยงานของรัฐสักหน่วยงานหนึ่งที่มิใช่สำนักพระราชวัง ทำหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษได้...*...

ทีนี้ก็ต้องมาดูว่า พรรคก้าวไกล จะทำตามที่ “อาจารย์ป๊อก” เสนอหรือไม่อย่างไร และฟังดูก็มีทางเสนอได้ แต่ก็ไม่น่าจะผ่านสภาฯ เพราะพรรคการเมืองที่เหลือ  ไม่มีใครเอาด้วยส่วนที่เสนออให้โต้กลับด้วยการคุมเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และการแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องศาลรัฐธรรม เพื่อลดอำนาจหน้าที่ของศาล หรือยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญให้องค์กรทำหน้าที่แทนนั้น  ก็คงเป็นไปได้ยากเช่นกัน ...*...

มีเพียงประเด็นที่ “อาจารย์ป๊อก” พยายามเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ในการพลิกเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มาปลุกมวลชนให้ออกไปใช้แสดงพลังผ่านการใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่จะถึงนี้ โดยให้เลือกตัวแทนของพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย ตรงนี้ก็จะเป็นสนามที่สำคัญ ที่ท้าทายทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล หากพรรคก้าวไกลชนะ ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องมาปรับกระบวนทัพกันใหม่ แต่หากพ่ายแพ้ ก้าวไกลก็น่าจะลำบากในเกมเลือกตั้งสส.ที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เพราะกว่าจะเลือกอีก 4 ปี อะไร อาจไม่เหมือนเดิม …*…

ที่มา:ศรพระราม (02/02/67)