ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าพนักงานสรรพากร เปิดปฏิบัติการ Anti Tax Crime ปราบขบวนการปลอมใบกำกับภาษี ความเสียหายกว่าพันล้าน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง  ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รองผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.๒ บก.ปอศ. 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.๒ บก.ปอศ. , พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก รอง ผกก.๒ บก.ปอศ., พ.ต.ท.หญิง วณิชยา ไชยปรุง สว.กก.๒ บก.ปอศ., พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.๒ บก.ปอศ., พ.ต.ท.วรรณลพ รัตนวงษ์ สว.กก.๒ บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.ชวพล เชื้อเพ็ชร์ สว.กก.๒ บก.ปอศ. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจชุดปฏิบัติการทั้ง ๔ ชุด ของ กก.๒ บก.ปอศ. ร่วมกับเจ้าพนักงานสรรพากร ร่วมกันตรวจค้น ทั้งสิ้น ๕ จุด


๑.บ้านพักในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ ๖๘/๒๕๖๗ ลง ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ผู้นำตรวจค้น น.ส.พจนีย์ฯ อายุ ๓๖ ปี
๒.บ้านพักในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ ๖๖/๒๕๖๗ ลง ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ผู้นำตรวจค้น น.ส.สายทิพย์ฯ อายุ ๓๖ ปี
๓.บ้านพักในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรีที่ ๖๕/๒๕๖๗ ลง ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ผู้นำตรวจค้น น.ส.สุมาลีฯ อายุ ๕๕ ปี
๔.บ้านพักในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ ๖๗/๒๕๖๗ ลง ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ผู้นำตรวจค้น น.ส.จริยาพรฯ อายุ ๔๑ ปี
๕. บ้านพักในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ตามคำสั่งให้ตรวจค้น ที่ กค ๐๗๐๓/๔ ลง ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ผู้นำตรวจค้น นายวีระพงศ์ฯ อายุ ๔๔ ปี 

เวลาที่ตรวจค้น วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. ผลการตรวจค้นเบื้องต้นสามารถตรวจยึดของกลางได้ ดังนี้
จุดที่ ๑  ของกลางที่ตรวจยึด : รายงานภาษีซื้อ, แบบฟอร์มใบกำกับภาษี, ใบส่งสินค้า, แบบ ภงด.๙๐ ปี ภาษี ๒๕๖๔, รายงานเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากธนาคาร, แบบนำส่งงบการเงิน, ต้นฉบับใบกำกับภาษีและต้นฉบับใบเสร็จรับเงิน, สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ กว่า ๒๐ ฉบับ 
จุดที่ ๒ ของกลางที่ตรวจยึด : เอกสารเกี่ยวกับการออกใบกำกับภาษีปลอม และรายงานใบกำกับภาษีแยกตามลูกค้า, เครื่องประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ CPU ๓ เครื่อง, คอมพิวเตอร์ไอแพด ๑ เครื่อง,โทรศัพท์มือถือ ๓ เครื่อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 
จุดที่ ๓ ของกลางที่ตรวจตึด : เอกสารการชำระภาษี และ คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ 
จุดที่ ๔ ของกลางที่ตรวจยึด : ต้นฉบับใบกำกับภาษี/ต้นฉบับใบส่งสินค้า จำนวน ๒ กล่อง, ต้นฉบับใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ จำนวน ๑ กล่อง, แบบฟอร์มใบกำกับภาษี, สมุดจดรายละเอียดงาน, โทรศัพท์มือถือ ๒ เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน ๑ เครื่อง จุด ๕ ของกลางที่ตรวจยึด : คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน ๑ เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ ๑ เครื่อง, เอกสารใบกำกับภาษี, ใบเสร็จรับเงิน, ใบส่งของ ภพ.๓๐ จำนวน ๕ ลัง

พฤติการณ์  เนื่องจาก กก.๒ บก.ปอศ. ได้รับคำร้องเรียนจากพลเมืองดี ว่ามีบุคคลหรือนิติบุคคลกระทำความผิดเกี่ยวกับการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิออก ซึ่งมีการลักลอบออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก คิดเป็นความเสียหายต่อรัฐหลายร้อยล้านบาท โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือให้บริการเกิดขึ้นจริง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.๒ บก.ปอศ. จึงได้ทำการสืบสวน โดยให้สายลับเจรจาล่อซื้อใบกำกับภาษี จากกลุ่มบุคคลดังกล่าว จำนวน ๕ ครั้ง โดยมีการออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิที่จะออก จำนวน ๓๐ ใบ ต่อมาได้ไปตรวจสอบสถานประกอบการ ซึ่งจดทะเบียนเป็นสำนักงานนิติบุคคล พบว่า ไม่มีลักษณะเป็นสถานประกอบการแต่อย่างใด แต่กลับมีการลักลอบเปิดกิจการเพื่อขายใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีการซื้อขายกันจริง ในส่วนของผู้ออกต้องรับผิดทางแพ่งแล้ว ยังมีโทษทางความผิดใช้ใบกำกับอาญาด้วยในฐานความผิด โดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกใบกำกับภาษีไม่มีสิทธิที่จะออก ส่วนผู้ที่นำใบกำกับภาษีไปใช้ ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามไม่มีสิทธินำมาใช้เป็นเครดิตต้องรับผิดทางแพ่ง และมีโทษทางอาญาในฐานภาษีปลอมโดยเจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี มีโทษต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ปอศ. จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอหมายค้น และเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ กก.๒ บก.ปอศ. และเจ้าพนักงานสรรพากร ได้ร่วมกันเข้าตรวจค้น ทั้ง ๕ จุด พบผู้ต้องหาและตรวจยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด จากนั้นได้นำส่ง พนักงานสอบสวน กก.๒ บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งหลังจากนี้จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ อย่างถูกต้อง เพื่อให้รัฐสามารถนำภาษีไปใช้ในการบริหารและพัฒนาสวัสดิการของประเทศได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดทุกรูปแบอย่างเด็ดขาด เช่น ผู้ประกอบการธุรกิจที่นำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้ และผู้ประกอบการที่ขายใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทำให้รัฐเกิดความเสียหายและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย


ทั้งนี้หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว หรือ ความผิดเกี่ยวกับภาษีรูปแบบต่างๆ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองกำกับการ ๒ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เบอร์โทรศัพท์ ๐๒ ๑๙๑ ๙๑๙๑ ต่อ ๒๗๐๑ หรือ เฟซบุ๊กเพจ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)