“สมเด็จฯฮุนเซน” เข้าเยี่ยมอาการป่วย “ทักษิณ” พร้อมทานอาหารมื้อเที่ยงนานกว่า 2 ชม. ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เข้มงวด  เปิดเมนูเด็ด”กุ้งแม่น้ำ” ตบท้ายด้วยของหวานจานโปรด”ลูกชุบ”  ด้าน“สมเด็จฯฮุนเซน” โพสต์หลังเข้าเยี่ยม ขอบคุณพี่ชายที่ต้อนรับอย่างดี  ไม่คุยการเมือง แค่ย้อนความทรงจำในอดีต พร้อมเชิญ “อุ๊งอิ๊ง” เยือนกัมพูชา 14-15 มี.ค.นี้ 

เมื่อวันที่ 21 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าค่อนข้างคึกคัก มีสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมาปักหลักติดตามสถานการณ์ก่อน สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา จะเดินทางเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังได้รับการพักโทษเป็นวันที่ 4


นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตบางพลัด เข้ามาทำความสะอาดกวาดพื้นถนนบริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า จากการสอบถามทราบว่าได้รับคําสั่งเป็นกรณีพิเศษ
กระทั่ง เวลา 07.29 น. พบรถยนต์ Toyota Fortuner สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นรถทีมผู้ติดตามของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขับเข้าไปในบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังจากนั้นไม่นาน รถ Toyota Fortuner สีดำ ซึ่งเป็นรถผู้ติดตามของตระกูลชินวัตรได้ขับออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า 
ต่อมา เวลา 07.46 รถตู้เบนซ์ สีดำ ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันกับที่ไปรับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงพยาบาลตำรวจ ขับออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า แต่ไม่พบผู้โดยสารอยู่ภายในรถคันดังกล่าว


ขณะที่ เจ้าหน้าที่สน.บางพลัด ได้นำแผงเหล็กเข้าพื้นที่ เพื่อเตรียมนํามาปิดกั้นบริเวณบ้านจันทร์ส่องหล้าและจัดระเบียบสื่อมวลชนเพื่อการรักษาความปลอดภัย ต้อนรับการมาเยือนของ สมเด็จฮุนเซนประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่จะเข้าเยี่ยมนายทักษิณเป็นการส่วนตัว ในช่วงเวลาประมาณ 10.30 น.
 จากนั้น เวลา 10.51 น. สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เดินทางมาถึงยังบ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ซึ่งการเดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณครั้งนี้ ฮุนเซนจะร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับนายทักษิณ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะร่วมโต๊ะรับประทานอาหารครั้งนี้ด้วย 


โดยการเดินทางมายังบ้านจันทร์ส่องหล้า สมเด็จฯฮุนเซน ได้โดยสารด้วยรถยนต์ Mercedes Benz รุ่นมายบัค (Maybach) สีเงินหรูพิเศษ ป้ายแดง เลขทะเบียน ร-3355 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาเป็นขบวนคันที่ 2 โดยมีรถ Toyota Fortuner สีดำ เลขทะเบียน 9 กผ 390 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถติดตามของตระกูลชินวัตรขับนำหน้า มีรถตู้เบนซ์สีดำ เลขทะเบียน ภษ 1414 ซึ่งเป็นรถที่นายทักษิณนั่งกลับจากโรงพยาบาลตำรวจ และรถตู้ฮุนได สีบรอนซ์เทา เลขทะเบียน อร 5555 กรุงเทพมหานคร ขับตามหลัง 
ต่อมา เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จฮุนเซนพร้อมคณะ ได้เดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ภายหลังเข้าเยี่ยมและรับประทานอาหารร่วมกันกับนายทักษิณและน.ส.แพทองธารซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยใช้เวลาอยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้าประมาณ 2 ชม. สำหรับเมนูอาหารกลางวันส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย และหนึ่งในนั้นคือ กุ้งแม่น้ำเผาจากจ.สุพรรณบุรี เพราะสมเด็จฯฮุนเซนมีความชื่นชอบในอาหารไทย ส่วนเมนูขนมหวาน น.ส.แพทองธารได้โพสต์ลงไอจีสตอรี่ เป็นภาพขนมต้ม และลูกชุบ ซึ่งคาดว่าจะเป็นของหวาน ที่เลี้ยงรับรองสมเด็จฯฮุนเซน


วันเดียวกัน สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กขณะที่เดินทางมาเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัวที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นภาษากัมพูชา มีใจความสรุปได้ว่า เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่บ้านในกรุงเทพมหานคร แม้จะยังป่วย แต่นายทักษิณได้ให้การต้อนรับอย่างดีแบบพี่น้อง โดยมี “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็ก หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมให้การต้อนรับด้วย ทั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ได้เชิญ “อุ็งอิ๊ง” ไปเยือนกัมพูชา ในวันที่ 14-15 มีนาคมนี้


สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังระบุด้วยว่า ทั้งสองอดีตนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกัน โดยไม่มีเรื่องการเมือง มีแต่การรำลึกความทรงจำในมิตรภาพระหว่างกันตลอด 32 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 1992 ขอบคุณพี่ชายและหลานที่ให้การต้อนรับอย่างดี


ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงกรณีได้โทรหานายทักษิณแล้วหรือยัง ว่าอยากโทรหาแต่ยังไม่ได้โทร ส่วนการเดินทางเข้าเยี่ยมของสมเด็จฯฮุนเซน นั้น เป็นเรื่องธรรมดา เพราะท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเพื่อนป่วยไข้ ก็เหมือนเราเมื่อเพื่อนป่วยก็อยากมาเยี่ยม ซึ่งท่านทักษิณกับท่านฮุนเซนก็ถือเป็นเพื่อนต่างชาติ และยังเป็นประเทศที่เคยทำงานร่วมกันมาอย่างดี ไม่แปลกที่จะมาเยี่ยมเยือน ก็ยิ่งชัดเจนว่ามาเยี่ยมเพราะว่าป่วยจริงจึงเข้ามาเยี่ยม


ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตจะมีผู้นำประเทศอื่นๆ เข้ามาเยี่ยมในนามส่วนตัวอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนี้เราไม่ใช่ผู้มา ไม่สามารถคาดเดาไปได้ ก็ต้องถามว่าใครมีความสัมพันธ์ ส่วนตัวอย่างไรหากมีความเป็นห่วงเป็นใยส่วนตัวและอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็อาจเกิดขึ้นได้ ไม่น่าจะซีเรียสอะไร เป็นเรื่องนานาจิตตัง


นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกฯ กล่าวกรณีที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณที่ได้รับการพักโทษ ว่า นายชัยธวัชเป็นถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่รู้เลยหรือว่าหน้าที่การวินิจฉัยโรคคนไข้คือแพทย์ ที่จะต้องรักษาจรรยาบรรณของแพทย์ยิ่งชีพอยู่แล้ว และไม่ใช่ใครจะชี้นำหรือสั่งการให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ได้ตามอำเภอใจ และใครที่ไม่มีหน้าที่วินิจฉัยโรคหรือรักษาโรค ก็ไม่ควรก้าวก่ายงานของแพทย์ เพราะสิ่งที่เห็นเป็นเพียงกายภาพภายนอก ซึ่งคนทั่วไปไม่มีทางรู้เลยว่าภายในร่างกายคนไข้เป็นอะไรบ้าง การที่คนอายุ 70 กว่าปี ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานๆ เป็นเพราะอาการป่วยซึ่งจะต้องมีการรักษาต่อเนื่อง การที่คนไข้จะต้องมีการใส่เฝือกก็เป็นเรื่องของความจำเป็นในการรักษาตามการวินิจฉัยของแพทย์ คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลก็ไม่ควรไปยุ่ง


"นายชัยธวัชเป็นนักการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลยิ่งต้องวางตัวให้เหมาะสม อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของแพทย์ดีกว่า เพราะยิ่งออกมาพูดอะไรที่ผิดพลาดจะยิ่งไม่ดีต่อภาพลักษณ์ตัวเองและพรรค ยิ่งไปอ้างสังคมว่าสงสัยอย่างโน้นอย่างนี้ แต่เป็นเพียงความสงสัยของตัวเองซึ่งมาจากเหตุผลทางการเมือง วิตกจริตทางการเมือง เก็บความรู้สึกอยากเอาชนะทางการเมืองไม่ได้ อาจจะทำให้เสียอนาคตทั้งคนทั้งพรรค” 


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพักโทษของนายทักษิณ ว่า กรณี "นักโทษเทวดา" จะกลายเป็นจุดซ้ำเติมความเสื่อมของรัฐบาล ผสมกับการที่ไม่มีผลงานที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเกิดกรณีนักโทษเทวดาขึ้น ซึ่งคนไทยรู้ดีว่านักโทษเทวดาจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้ารัฐบาลไม่รู้เห็นเป็นใจ ตั้งแต่ระดับนายกฯไปจนถึงเจ้าหน้าที่ จึงมีคำถามว่ามาถึงวันนี้นักโทษเทวดาได้ประโยชน์สมใจแล้ว แต่ประชาชนได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจากรัฐบาลหรือยัง และที่เลวร้ายที่สุดกรณีนักโทษเทวดาคือการส่งสัญญาณจากรัฐบาลสู่ประชาชน ทำให้คนเข้าใจว่าโกงแล้วได้ดี ซึ่งจะเป็นตราบาปติดตัวรัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาล”เศรษฐา”ตลอดไป


สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ได้มีมติให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไข พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี 2560 ให้การลดโทษ การพักโทษจะต้องผ่านคณะกรรมการอิสระและศาล ไม่ใช่แค่เป็นอำนาจของคณะกรรมการราชทัณฑ์ ภายในกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีความเข้มแข็งขึ้น และให้การบังคับตามคำพิพากษามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นตามเจตนารมย์ของกระบวนการยุติธรรม


ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ว่าจะมีนายกฯ 2 คน หลังนายทักษิณได้รับการพักโทษ นายจุรินทร์ กล่าวว่า มี 2 คนมาตั้งแต่ตั้งรัฐบาลแล้ว ที่สำคัญระวังอย่าให้มี 3 คน จนเกินหน้าเขมรก็แล้วกัน