"ปธ.กกต."ปฏิเสธมีใบสั่งยื่นยุบ "ก้าวไกล"  ยึดคำวินิจฉัยฯ หลักฐานสำคัญ ยันโทษสูงสุดตัดสิทธิไม่เกิน 10 ปี ส่วนคดียุบ”ภูมิใจไทย”กำลังรวบรวมหลักฐาน ด้าน“ชัยธวัช”ประกาศสู้เต็มที่หลัง”กกต.”ชงยุบพรรค ยอมรับยังไม่คิดหาพรรคสำรอง ปัดตอบลูกพรรคดอดพบ “ลุงป้อม-พรรครัฐบาล” “พิธา” โผล่โพสต์”ไม่มีพวกคุณ ไม่มีพวกเรา ก้าวต่อไป” ขณะที่”อนุทิน" ปัดกระแสข่าวยุบก้าวไกลลามภูมิใจไทย 

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.67 นายอิทธิพร บุญประคอง  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงกรณีกกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ส่งสำนวนคดีล้มล้างการปกครองให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคก้าวไกล  ว่า กระบวนการพิจารณาเรื่องนี้ที่ประชุมกกต. ได้ให้สำนักงาน กกต.ศึกษาวิเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งเป็นการศึกษาพิจารณาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด จนกระทั่งถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการเมื่อ 29 ก.พ. และเราก็ใช้เวลาในการพิจารณาเพิ่มเติม และข้อเสนอแนะ จนเป็นที่มาของผลการประชุมกกต.เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา 

สำหรับที่พรรคก้าวไกลตั้งคำถามว่าเร็วเกินไป นายอิทธิพร ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินการโดยใช้อำนาจหน้าที่ตาม มาตรา 92 ซึ่งใช้คำว่าเมื่อกกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อว่ามีพรรคใดกระทำการอันควรจะเป็นการล้มล้างการปกครองให้เสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งเรามีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. และคำวินิจฉัยที่ประกาศเป็นทางการออกมาวันที่ 29 ก.พ. ก็ใช้เวลาพอสมควร

"สิ่งที่เป็นหลักฐานอันเชื่อได้ว่า คือคำวินิจฉัยของศาลนั่นเอง มีรายละเอียด ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน มีเอกสารประกอบ มีคำไต่สวน มีถ้อยคำของผู้ที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นเราจึงมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าควรส่งศาลรัฐธรรมนูญ และเมื่อกกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล โดยทั่วไปจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ในการจัดทำคำร้องเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสร็จเมื่อไหร่ก็ยื่นเมื่อนั้น"

  นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า ส่วนที่โซเชียลครหาว่ากกต. มีใบสั่งนั้น  กกต.ทำงานตามกฎหมาย คนที่จะสั่งให้เราปฏิบัติหน้าที่คือกฎหมายที่เขียนเอาไว้ หากมองตามรัฐธรรมนูญก็คือเราเป็นองค์กรอิสระหนึ่งที่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพราะฉะนั้นหากไม่ทำตามกฎหมาย ก็ถือว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ยังมีคิวยื่นยุบพรรคการเมืองอื่นอีกหรือไม่ ประธานกกต. กล่าวว่า ไม่อยากเรียกว่าเป็นคิว หากมีการเสนอเรื่อง และพิจารณาว่าพรรคการเมืองหรือผู้บริหารพรรคการเมืองใดกระทำการอันจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งจะนำไปสู่การ ต้องยื่นศาลที่เกี่ยวข้อง เราก็ดำเนินการตามนั้น ไม่ได้มีเฉพาะเจาะจงอะไร ส่วนความคืบคดียุบพรรคภูมิใจไทยกรณีรับเงินบริจาคหจก.บุรีเจริญ คอนตรัคชั่นนั้น ประธาน กกต.กล่าวว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของเท็จจริงและรวบรวบพยานหลักฐาน ของเลขาฯ กกต. ซึ่งเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ยังไม่ถึงขั้นที่จะสรุปความเห็นและนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต.

ส่วนกรณีที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ระบุโทษของการยุบพรรคก้าวไกล อาจร้ายแรงถึงขั้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ประธาน กกต. กล่าวว่า ตามมาตรา 92 แล้ว หาก กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค กกต.สามารถยื่นให้ศาลพิจารณาเพิกถอนสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ตามกฎหมายแล้วศาลจะสั่งห้ามตั้งพรรคใหม่ ห้ามเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองอื่น ซึ่งศาลจะสั่งห้ามไม่ให้เกิน 10 ปี นั่นเป็นโทษสูงสุด ส่วนกกต.จะดำเนินคดีอาญากับพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายอื่นด้วยหรือไม่

ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงแผนการรองรับ ภายหลังกกต. มีมติเอกฉันท์ส่งสำนวนคดีล้มล้างการปกครองให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคก้าวไกล ว่า ตอนนี้ก็เตรียมเรื่องการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร และอาจเป็นสารตั้งต้นในการยุบพรรค จะเตรียมข้อต่อสู้อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็คงต้องต่อสู้เต็มที่ แม้ว่าต้องยอมรับว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะทำให้เราต่อสู้ได้ยากมากกว่าในคดีอื่นๆ แต่ว่าเราคงต้องต่อสู้เต็มที่ว่าไม่มีเหตุผลเพียงพออย่างไรที่จะต้องมีการวินิจฉัยถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งโดยปกติศาลต้องไต่สวนอยู่แล้ว

สำหรับกรณีนี้มีการวิเคราะห์กันว่าสามารถนำคำวินิจฉัยจากกรณีหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 มาตัดสินได้เลย นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดศาลต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง อย่างพรรคก้าวไกล ได้แก้ข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ได้เสนอข้อเท็จจริง พยานผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีหากไม่เปิดให้มีการไต่สวนจะดำเนินการอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าเมื่อไรที่ศาลเห็นว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว ศาลมีสิทธิ์ที่จะยุติการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้ เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลคงต้องต่อสู้ให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงให้มากที่สุด เมื่อถามว่า จะนำบทเรียนเมื่อครั้งยุบพรรคอนาคตใหม่มาใช้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้มีการคุยกันเรื่องนี้ในพรรค คิดว่าบทเรียนที่สำคัญน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทยและผู้มีอำนาจมากกว่า ว่าการยุบพรรคการเมืองไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ซ้ำร้ายอาจจะนำไปสู่การขยายความขัดแย้งทางการเมืองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งสวนทางกับการคาดหวังของพี่น้องประชาชนหลังจากที่เรามีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการรัฐประหารแล้ว

ส่วนกระแสการตั้งพรรคสำรองนั้น ตอนนี้อยู่ในขั้นต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ก่อน  ที่วิเคราะห์กันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่กลับคำวินิจฉัยตัวเองนั้น แม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่ก็ต้องสู้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการกลับคำวินิจฉัย คำวินิจฉัยครั้งที่แล้ว เป็นกรณีที่วินิจฉัยสั่งการให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง แต่การวินิจฉัยให้ยุบพรรคก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงเรื่องกระแสการดูด ส.ส.ในพรรคก้าวไกลออกไปนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนเป็นห่วงสังคมไทยมากกว่า ตนคิดว่าเราลองจินตนาการถึงสังคมไทยหลังจากนี้ เรากำลังเข้าสู่วังวนแบบเดิมๆที่หาทางออกไม่เจอ และอาจจะยิ่งถลำลึกต่อไปมากขึ้นก็ได้ การยุบพรรคการเมืองจากเหตุที่กล่าวหาว่าล้มล้างการปกครองและเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ประการใด ตนยืนยันในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า เริ่มมี ส.ส.ในพรรคก้าวไกลรวมถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โพสต์เชิงตัดพ้อ ทำใจกับเรื่องนี้ไว้แล้วใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องยุบพรรคไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำใจ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ยืนยันว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางการเมือง เมื่อถามถึงกระแสข่าวการที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลเริ่มไปคุยกับพรรครัฐบาลจะต้องมีการตรวจสอบหรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า ไม่ใช่หน้าที่ของพรรค เรามั่นใจว่าผู้แทนราษฎรที่ดี ก็คือผู้แทนราษฎรที่ดีเรื่องนี้ไม่สามารถมีใครไปบังคับใจกันได้ พรรคมีหน้าที่ต้องเตรียมทุกทางออกให้กับสมาชิก ส่วนกระแสข่าวที่มี ส.ส.ไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนว่าต้องตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าพรรคไหน

วันเดียวกัน  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพใน pita.ig ระบุว่า ไม่มีพวกคุณ ไม่มีพวกเรา ก้าวต่อไปครับ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวหากยุบพรรคก้าวไกลแล้วจะลามมาถึงการยุบพรรคภูมิใจไทยเพื่อรีเซตการเมือง ว่า เรื่องยุบพรรคการเมืองไม่มีนักการเมืองคนไหนเห็นชอบ เห็นด้วย หรือดีใจ ในส่วนของความเป็นพรรคการเมืองด้วยกันก็ต้องให้กำลังใจสมาชิกพรรคก้าวไกล แต่เรื่องของกฎหมายก็มีกระบวนการและขั้นตอนอยู่

ส่วนหากยุบพรรคก้าวไกลแล้วจะลามมาถึงการยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น ไม่ใช่โดมิโน การที่จะยุบพรรคการเมืองได้พรรคนั้นต้องกระทำผิด ระเบียบ ขั้นตอนรัฐธรรมนูญ ถ้าไปถามคนของพรรคนั้นๆ ก็ต้องบอกว่าเขาไม่ผิด จึงต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่ต้องพิจารณาตามกฎหมาย

สำหรับพรรคภูมิใจไทยเชื่อมั่นและน้อมรับกระบวนการยุติธรรม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าผิดก็คือผิด ถ้าสมมติว่าเกิดมีความสงสัยตรงไหนเราก็ต้องชี้แจง หากชี้แจงได้ก็ไม่ผิด ชี้แจงไม่ได้ก็ผิด เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีการเตรียมตัวอย่างไรหลังมีคนไปยื่นยุบพรรค นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีการมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายนำโดย นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องนี้อยู่ เราก็ไม่ได้ประมาท เพราะมีคนไปยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยแล้ว เราก็เตรียมตัวในเรื่องสำนวนต่างๆ และเตรียมหลักฐานเพื่อแก้ข้อกล่าวหา

ส่วนจะมีการตั้งพรรคสำรองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่คิดไกลถึงขนาดนั้น เมื่อถามว่า มองกระแสเรื่องยุบพรรคก้าวไกล ยิ่งยุบยิ่งโตมองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า "แหม่ เดี๋ยวจะหาว่านิสัยไม่ดีอีก ไม่เคยยุ่งเรื่องคนอื่น ยุ่งแต่เรื่องของตัวเองก็แย่แล้ว ไม่มีเวลาไปแคร์คนอื่นสักเท่าไร ได้แต่ส่งกำลังใจให้" เมื่อถามว่า หากสมมติพรรคก้าวไกลถูกยุบจริง จะมีกระบวนการ "หนูเปล่านะเขามาเอง" อีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่า เราไปพูดก่อนก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร และเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงของภูมิใจไทย 71 เสียง ถือว่าเพียงพอหรือไม่ที่จะประคองรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า สมัยที่แล้ว 51 เสียง ก็ประคองรัฐบาลให้อยู่ครบวาระ 4 ปีมาแล้ว เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบและมี ส.ส.จะย้ายมาพรรคภูมิใจไทยพร้อมจะรับใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยิ้มก่อนตอบว่า ยังไม่ถึงจุดนั้น

เมื่อถามต่อว่า เป็นเพราะอะไรเมื่อถึงเหตุการณ์ยุบพรรค ส.ส.จึงอยากย้ายมาพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เป็นพรรคกลางๆ ไปที่อื่นอาจมีคนเยอะอยู่แล้ว อีกทั้งตามรัฐธรรมนูญหากถูกยุบพรรค สส.ต้องหาพรรคการเมืองสังกัดใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเฉลี่ยกระจายไปหลายพรรค ไม่ได้มาพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียว และเราก็รักษาระบบสภาฯ ไว้ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า ส.ส.พรรคอื่นอยากมาพรรคภูมิใจไทยเพราะดูแลดีใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "อบอุ่น เอาใจใส่ พาไปกินลาบ"