"เศรษฐา" เผยมีจริง! "ฝ่ายค้าน" แอบดีลคนอื่นขอร่วมรัฐบาล ลั่นไม่รับเพิ่ม 314 เสียงแน่นแล้ว พร้อมแจงผิดหวังกลางสภาฯ หลังฟัง "ฝ่ายค้าน" อภิปราย 40 นาทีไม่มีอะไรใหม่ สวน "วิโรจน์" อย่าใช้วาทกรรมด้อยค่า ขอ 4 ปีตอนจบ ประชาชนจะรู้ใครใช้ไอโอครอบงำ ขณะที่ "ชัยชนะ" ท้า "นายกฯ" เปิดชื่อใครขอเข้าร่วมรัฐบาล ข้องใจมีกระบวนการรับงานถล่ม ปชป. ก่อนซักฟอก

 ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 4 ม.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาฯเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 พร้อมให้สัมภาษณ์กรณีที่ยืนยันกลางสภาเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง ว่า ก็ยืนยัน เพราะมีการพูดและตั้งคำถามมาว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่า ซึ่งตนก็ยืนอยู่ตรงนี้และพูดจริงเสียงจริง ยืนยันทำจริง และเชื่อว่าหากดูอย่างเป็นธรรมจริงๆแล้ว เอาแต่เรื่องที่เราได้ทำมาก็เชื่อว่า ถ้าดูกันอย่างจริงๆเราก็ทำเพื่อประชาชน ก็ไม่อยากให้ไปพูดอะไรกันมากมาย

 ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายอย่างที่ฝ่ายค้านอภิปรายเน้นไปที่เรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้ชี้แจงไปแล้วหลายหนเหมือนกัน เพราะมีหลายเรื่องที่เราต้องชี้แจง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจหรือการดึงดูดนักลงทุน เขตการค้าเสรี (FTA) และจริงๆเราต้องไปบอกเขาว่าประเทศเราเปิดแล้ว อันนี้ก็มีความมั่นใจและสบายใจ อย่างที่ตนบอกการจะลงทุนอะไรทั้งหลายที่ลงทุนเป็นแสนๆล้าน แม้แต่การตัดสินใจซื้อบ้าน 3 ล้านบาท 5 ล้านบาท ยังตัดสินใจอยู่ตั้งหลายเดือนใช่ไหมคนเรา ใจเขาใจเรา เงินเขาเงินเรา เหมือนกันเวลาพิจารณาก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ บางประเภท บางธุรกิจ เป็นธุรกิจใหม่ ซึ่งจริงๆแล้วต้องอาศัยการรวบรวมข้อมูลที่ค่อนข้างจะเยอะ ตนมั่นใจภายใน 2 ปีข้างหน้านี้จะได้เห็นการลงทุนเข้ามาในประเทศไทย

 เมื่อถามว่า ที่นายกฯพูดในการชี้แจงต่อสภาว่าวันหนึ่งก็ค้านอีกวันก็ขอร่วมรัฐบาล แสดงว่ามีพรรคฝ่ายค้านมาเจรจาขอร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า "ผมเชื่อว่าต้องมีบ้าง แต่เขาคงไม่พูดกับผมหรอก เพราะผมพูดตลอดเวลา โดยส่วนตัว 314 เสียงแน่นแล้ว และเราเองก็ทำงานกันได้ดี ส่วนจะไปคุยอะไรกับใครก็เป็นเรื่องของเขาไป แต่ว่ามันมีแน่นอน"

 เมื่อถามว่า หากมีการพูดคุยกันจริงจะรับเพิ่มหรือไม่ นายเศรษฐา หัวเราะในลำคอพร้อมกล่าวว่า "ผมว่าไม่ อย่างที่บอก 314 เสียงก็ชัดเจนอยู่แล้ว"
 
นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันเดียวกันนี้ตนก็ย้ายทำเนียบรัฐบาลมาที่นี่ มานัดประชุมนัดทำงานที่นี่ ก็มีหลายๆหน่วยงานที่มาพูดคุย และวันนี้ก็จะมีรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมาด้วย

 นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติ นายไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ยังไม่ได้ดู  เดี๋ยววันนี้จะเจอพรรค พปชร. ก็คงมีโอกาสได้พูดคุย 

 เมื่อถามว่า หากพรรค พปชร. ขอโควตาเดิมได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรค พปชร.ไม่ต้องขอ เพราะเป็นโควตาของพรรค พปชร. อยู่แล้ว หากรายชื่อและการตรวจสอบถูกต้องตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ก็เป็นโควตาของพรรค พปชร.ชัดเจน 
 
เมื่อถามว่า มีเดตไลน์ให้พรรค พปชร.หรือไม่ว่าต้องมีคำตอบให้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีเดตไลน์ เป็นสิทธิ์ของเขา เราอยู่ด้วยกันก็ต้องเคารพกันหมด เมื่อไหร่ที่พรรค พปชร. คิดว่าพร้อม เมื่อมีบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมเสนอมา เราก็ยินดีอยู่แล้ว
 
ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังทำให้โลกงง วันหนึ่งจะเป็นฝ่ายค้านอีกวันนึงจะขอร่วมรัฐบาลว่า สิ่งที่นายกฯ บอกว่าฝ่ายค้านอยากร่วมรัฐบาลขอให้ระบุมาเลย ว่า ใคร พรรคไหน อย่างไร อย่าพูดลอยๆ 

 "นายกฯ เป็นผู้นำประเทศต้องมีวุฒิภาวะ การที่จะออกมาพูดกับสังคม และให้สังคมเชื่อถือต้องบอกว่า เป็นใคร ผมเห็นว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านตามมาตรา 152 เป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้าน ที่จะวิจารณ์หรือแนะนำรัฐบาล สิ่งที่นายกกระทำ คือ ควรฟัง และนำไปแก้ไขจุดที่บกพร่อง แต่ถ้านายกฯจะทำตัวเป็นซุปเปอร์แมนที่ไม่ฟังใคร ผมคิดว่าคงจะบริหารประเทศไม่ได้" 
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการออกมาระบุว่า ประชาธิปัตย์ได้ขอเข้าร่วมรัฐบาล นายชัยชนะ กล่าวว่า ข่าวก็คือข่าว ซึ่งเป็นการคาดเดาเหมือนกับหมอดูที่ทำนาย ตนยังไม่ทราบเลยว่าข่าวนี้มีความเป็นมาอย่างไร และที่บอกว่าประชาธิปัตย์ปล่อยข่าวเองนั้น อยากจะถามว่าจะปล่อยมาเพื่ออะไร 
 
นายชัยชนะ กล่าวว่าคิดว่าการทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวานทำหน้าที่ได้ดีทุกคน เมื่อถามว่า หากมีการปรับครมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า การปรับครม.ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายค้าน และเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เราพูดไม่ได้
 
เมื่อถามว่า ได้คุยกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้วใช่หรือไม่ว่าไม่มีใครดอดไปคุยกับรัฐบาล นายชัยชนะ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีการพูดคุยกัน เราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และข่าวนี้ก็ออกมาก่อนที่จะมีการอภิปรายตามมาตรา 152 ก็ต้องถามว่าออกข่าวอย่างนี้มาเพื่ออะไร ซึ่งเราก็ต้องมองในเรื่องของการเมืองด้วย ทั้งนี้ตนก็เป็นคนหนึ่งที่มีชื่ออยู่ในข่าว ก็ยังไม่รู้เลยว่ามีชื่อออกมาได้อย่างไร
 
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการวางยาพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า คิดได้ทั้งหมด อาจจะถูกวางยา หรืออาจจะรับงานจากใครก็ได้ หรืออาจมาจากผู้ประสงค์ดี หรือประสงค์ร้ายก็ได้ ซึ่งตนเข้าใจการเมืองไทยดี ยืนยันว่า 25 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ยังรักกันดี ผูกพันสามัคคี และจะมีความสามัคคีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆไป

 เมื่อถามว่าการอภิปรายตามมาตรา 152 ครั้งนี้ ดูเหมือนจะแตะเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้อยเกินไป จะเก็บไว้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในสมัยหน้าใช่หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ขอให้ติดตามการอภิปรายวันนี้อีกที  ซึ่งวันนี้เป็นการทำหน้าที่ตามมาตรา 152 ส่วนการอภิปรายในสมัยประชุมหน้า ที่จะมีการอภิปรายตามมาตรา 151 นั้นจะเข้มข้นแน่นอน

 ต่อมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อมาเวลา 10.48 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ชี้แจงว่า ตนมาฟังฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของกองทัพ กระทรวงกลาโหม จริงๆก็เรื่องเดิม ๆผิดหวังนิดหน่อย มีแต่น้ำๆทั้งนั้น ยืนยันกองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง
 
เรื่องวาทกรรมด้อยค่าต่าง ๆภาพพลักษณ์ตกต่ำ ใช้ไอโอดำมือลึกล้ำ ล้ำลึก ต่างๆเหล่านี้ให้เวลารัฐบาลบริหารให้ครบ 4 ปี จริงๆแล้วประชาชนจะตระหนักดีตอนจบคนที่ใช้ไอโอ คนที่พยายามครอบงำให้คนหน้ามือตามัวจริงๆแล้วคือใคร เรื่องของรมว.กลาโหมพยายามที่จะทำอยู่ปัจจุบันมีการพัฒนาร่วมกัน เชื่อว่าตลอด 7 เดือนมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ก็ให้เวลาสักพักก็จะเห็นผลงานที่เราพยายามทำต่อเนื่อง

 เรื่องเงินทอนพูดมาหลายหน ผมก็บอกแล้วถ้ามีเงินทอนก็เอาหลักฐานมา และเรื่องเรือฟริเกตที่ท่านเชียร์กันเหลือเกินถ้าผมพูดกลับไปว่าท่านก็มีเงินทอน ท่านก็ไม่พอใจ อยากให้เอาหลักฐานมาพูดกันดีกว่า เพราะเรื่องนี้ยังไม่จบ ต้องมีการสนับสนุนให้ต่อเรือในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ดี และถูกต้อง และมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายๆอย่าง มีหลายมิติ และพยายามพูดคุยกันอยู่เพื่อให้กองทัพได้ของที่ดีที่สุด

 "ผมฟังมา 40 นาทีก็ยังเป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่เหมือนกัน พวกท่านเคยพูดเอาเรือประมงมาแทนเรือรบต่าง ๆแต่วันนี้จะสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก มันงงมาก เป็นเรื่องวาทกรรม เรามาพูดเรื่องเนื้องานดีกว่า พยายามที่จะพัฒนาต่อไป เรื่องการซื้ออาวุธก็จะทำให้โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆที่จะได้จากการซื้ออาวุธด้วย ยืนยันว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ นายกฯ กล่าว