“สามารถ”ย้อนถาม“กัดเซาะ”ถ้าศาล รธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค แล้วใครมีอำนาจ  ซัด เสพติดอำนาจ ไม่ยอมคืนเก้าอี้ หน.พรรคให้พิธา  สัญญาณยุบพรรคก้าวไกลไม่น่าเกิน 21 เมษานี้ ถ้าเกินนี้ยอมโกนหัว

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่มีข้อไหนให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมือง ว่า ตนขอย้อนถามนายชัยธวัชว่าหากศาลรัฐธรรมนูญไม่ทีอำนาจยุบพรรร แล้วใครคือคนที่มีอำนาจยุบพรรคการเมืองที่คิดจะกัดเซาะ บ่อนทำลาย สร้างความแตกแยกให้กับประเทศ จ้องแต่จะทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ใครละที่จะเป็นคนตัดสิน ในเมื่อ กกต.มีความเห็นยื่นยุบพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมนูญ

“จริง ๆ แล้วการยุบพรรคก้าวไกลมันไม่ได้เป็นมหากาพย์ยาวนั้น ขนาดนั้น ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า ถ้าบุคคคกระทำการใดที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้บุคคลนั้นเลิกการกระทำ แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองให้ กกต.ยื่นยุบพรรค ฉะนั้นเรื่องเป็นเพียงแค่งานเอกสาร งานธุรกรรม แต่นายชัยธวัชก็พยายามที่จะปลุกมวลชน สร้างการรับรู้ที่ไม่ถูกต้องให้กับสังคมก็คือการบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค เพื่อที่จะโยนความขัดแย้งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่จริง ๆ แล้วศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจอย่างชัดเจน นายชัยธวัชต่างหากที่ไม่รู้เรื่องว่า การกระทำใดที่ไม่ควรทำ และการกระทำใดที่ควรทำ”นายสามารถ กล่าว

นาบสามารถ กล่าวต่อว่า การประชุมของพรรคก้าวไกลวานนี้(6 เม.ย.) นายชัยธวัชก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ แต่ก่อนหน้าเคยบอกว่า เมื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และสส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กลับมาแล้วจะคืนตำแหน่งให้กับนายพิธา เพราะนายชัยธวัชเป็นเพียงแค่คนรักษาการเท่่นั้น แต่จริงๆ แล้วนายชัยธวัชน่าจะเสพติดอำนาจในฐานะหัวหน้าพรรค จึงไม่อยากยกตำแหน่งหัวหน้าพรรคคือให้กับนายพิธา ซึ่งเป็นความชอบธรรมในการเป็นหัวหน้าหัวพรรครั้งสุดท้ายของนายพิธาก่อนที่จะมีการยุบพรรค แต่ก็ไม่มีการกระทำนั้นเกิดขึ้น เพราะนายชัยธวัชไม่อยากถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน

นาบสามารถ ยังกล่าวต่อว่า นายชัยธวัชน่าจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่ยอมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเห็นการอภิปรายพยายามจะด่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่กล้าด่าเต็มปาก ต่อยแบบมียั้งหมัด ตนเชื่อว่า ประชาชนที่ติดตามฟังอยู่รู้ว่าพรรคก้าวไกลหรี่ตากับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ อย่างที่ตนพูด พรรคก้าวไกลไม่เคยมีฤทธิ์ แต่หลังจากที่คุณทักษิณ ชินวัตร แตะเมืองไทยพรรคก้าวไกลกลับมีฤทธิ์ขึ้นมาทันที 

“การยุบพรรคก้าวไกลมันควรที่จะแล้วเสร็จไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะการหาเสียงมันสิ้นสุดไปตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.66 ดังนั้น การกระทำความผิดมันสำเร็จไปแล้ว ซึ่งเดือนหน้าก็จะครบ 1 ปีแล้ว ในความจริงแล้ว บุคคลใดที่กระทำการล้มล้างการปกครองไม่สามารถเหยียบสภาฯได้หรอก ไม่สามารถเข้าไปมีตำแหน่งเป็น สส.แต่เราก็เห็นว่ามีกระบวนการเลี้ยงพรรคก้าวไกลไว้ องค์กรอิสระ ก็ไม่ได้อิสระจริง ๆ อย่าง กกต.ที่เก็บเรื่องนี้ไว้ยาวนาน ปล่อยให้เขาหาเสียง ไม่เคยยื่นยุบพรรค ตอนที่เขาเอาเป็นนโยบายหาเสียง กกต.ก็ตรวจสอบให้ผ่าน จากน้ันก็ถูกคนร้องมาอีก พอมาถึงวันที่จะส่งเอกสารจาก กกต.ก็ไม่ครบอีก จึงทำให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องเลื่อนการพิจารณา ซึ่งวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งให้พรรคก้าวไกล ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน ซึ่งถ้าเกิดว่าพรรคก้าวไกลขอขยายระยะเวลา แล้วศาลรัฐธรรมนูญรับ เรื่องนี้มีดีลว่า จะดึงเวลายุบพรรคก้าวไกลให้นานที่สุด เพื่อที่จะให้ สว.หมดอายุ  โดยทั้งนี้ตนเชื่อว่าจะยุบพรรคก้าวไกล ไม่เกิน 21 เมษายนนี้  ถ้าเกินยอมโกนหัวไว้อาลัย...กับสังคมไร้มาตรฐานกระบวนยุติธรรมไร้มาตรฐาน ยกประเทศให้พวกเขาเลย