​กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.วงศ์ปกรณ์ เปรมกุลนันท์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ.,พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี , พ.ต.ท.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว,  พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ , พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแพ นำโดย ร.ต.อ.ศรัญย์ แสนหล้า รอง สว.สส.สภ.ชุมแพ พร้อมพวก ร่วมกันจับกุม นายพีรพัฒน์ (ของสงวนนามสกุล)  อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3560/2566 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต” จับกุมบริเวณริมถนนสาธารณะ หน้าบ้านพัก หมู่ที่ 10 ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

โดย ในช่วงปี 2565 ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบชื่อ แก๊งบังโก้ มีพฤติการณ์เรียกดอกเบี้ยโหดสูงถึงร้อยละ 340 ต่อปี  เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากกรณีดังกล่าว ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้สั่งการให้ บช.ก. เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด


ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งทราบว่ากลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวเป็นเครือข่ายเงินกู้รายใหญ่ โดยมี นายเกียรติศักดิ์ หรือบังโก้ เป็นหัวหน้าแก๊งหรือนายทุน และมีเครือข่ายกระจายอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ เช่น กาญจนบุรี อุดรธานี ขอนแก่น กาญจนบุรีสุราษฎร์ธานี และสงขลา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับกลุ่มเครือข่ายของบังโก้ ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”


และในวันที่ 2 มิ.ย.66 ชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศปน.ตร. พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ บก.ปอศ. ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.3, ภ.4, ภ.7, ภ.8 และ ภ.9 บุกทลายเครือข่าย “แก๊งบังโก้” โดยเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 12 จุด ในพื้นที่ 5 จังหวัด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 26 ราย พร้อมด้วยของกลาง 12 รายการ พบเงินหมุนเวียนกว่า 600 ล้านบาท และตรวจสอบพบว่า นายพีรพัฒน์ฯ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานทวงถามหนี้ดอกเบี้ยโหด อยู่ระหว่างหลบหนี ไม่ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ


​ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. จึงได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแพ ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายพีรพัฒน์ฯ ได้หลบหนีมาอยู่ที่ ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น นายพีรพัฒน์ฯ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 3560/2566 กำลังเดินอยู่ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ หน้าบ้านพัก หมู่ที่ 10 ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จึงได้นำกำลังเข้าไปแสดงหมายจับเพื่อจับกุมตัว พร้อมทั้งได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายและข้อกล่าวหาให้ทราบ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดโดยทำหน้าที่เป็นพนักงานทวงถามหนี้ โดยเรียกดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 340 ต่อปี